“รพ.เด็ก” เผยเด็กติดเชื้อเพิ่มขึ้น17% มีกลุ่มอายุน้อยกว่า 2 ปี ถึง 4%

"รพ.เด็ก" เผยเด็กติดเชื้อเพิ่มขึ้น17% มีกลุ่มอายุน้อยกว่า 2 ปี ถึง 4%

ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี(รพ.เด็ก) นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ของศูนย์การทำ Home isolation (HI) สำหรับเด็กที่ป่วยโควิด 19 และการบริหารจัดการเตียงสำหรับเด็กป่วยโควิด 19 ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 สายพันธุ์โอมิครอน ในภาพรวมจำนวนเด็กทั่วประเทศพบติดเชื้อขณะนี้แล้ว 15-17% ของผู้ใหญ่ ด้วยปัจจัยคือ 1.เด็กอายุ 5-11 ปี เพิ่งได้เข้ารับวัคซีน 2.โรงเรียนมีการเปิดการเรียนการสอน เด็กๆมีการพบเจอกัน ในช่วงอายุที่พบเด็กอายุน้อยกว่า 2ปี ติดเชื้อประมาณ 4% ของกลุ่มเด็กทั้งหมด

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ในส่วนของอาการเด็กที่ติดเชื้อโควิด19 สายพันธุ์โอมิครอน นพ.อดิศัย กล่าวว่า เด็กที่มีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่พบอาการรุนแรงไม่ถึง 3% อยู่ในระดับความรุนแรงที่ 2.2-3 หรืออยู่ในกลุ่มผู้ป่วยสีส้มกับสีแดง ซึ่งเป็นเด็กที่มีโรคประจำตัว อีก 50% พบว่าไม่มีอาการ และอีก 30% อยู่ในกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว คือมีอาการเล็กน้อย อาทิ มีไข้เล็กน้อย ยังสามารถวิ่งเล่นได้ หากมีไข้ทานยาลดไข้ แต่หากผู้ปกครองในกลุ่มเด็กอายุ 1-5 ปี มีความกังวลเรื่องอัตราการหายใจ ซึ่งในเด็กกลุ่มนี้จะหายใจเร็วเป็นปกติ ก็สามารถใช้เครื่องวัดออกซิเจนได้ โดยค่าต้องไม่น้อยกว่า 96 ซึ่งเฉลี่ยแล้วเด็กจะมีอาการดีขึ้นใน 5 วัน แต่ยังคงต้องมีการดูแลตามมาตรฐานอย่างน้อย 10 วันที่รักษาในโรงพยาบาล และติดตามอาการให้ครบ 14 วัน ทั้งนี้การรักษาเด็กก็เหมือนกับผู้ใหญ่ จะแตกต่างเมื่อเด็กทานยาเม็ดไม่ได้ก็จะมีการใช้ยาน้ำฟาวิพิราเวียร์ผสมกับไซรัปของทางรพ. เพื่อให้เด็กได้ทางง่ายขึ้น โดยให้ขนาดยาตามน้ำหนัก ดังนั้นแม้ว่าแนวโน้มของเด็กที่ติดเชื้อจะมากขึ้น แต่อาการรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้า

 

สำหรับระบบ HI เด็กที่ติดเชื้อโควิด19 ในกลุ่มสีเขียวหรือไม่ค่อยมีอาการที่ทางรพ.ดูแล ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเด็กติดเชื้อช่วงเดือนม.ค.65 ซึ่งอยู่ในระบบจำนวนกว่า 200 ราย ในเดือนก.พ.เพียงครึ่งเดือนมีเด็กติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกกว่า 150 ราย เฉลี่ยสูงขึ้น 30% ขณะนี้รวมแล้วมีจำนวน 250 ราย จากยอดสะสมเกือบ 1,000 ราย อาจจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก 300 ราย ทั้งนี้เด็กที่สามารถเข้าระบบ HI ได้ต้องผ่านการคัดกรองผ่าน 3 ช่องทางได้แก่ 1.คลินิกของทางรพ. 2.สายด่วน 1330 ของสปสช. และที่อื่นๆ โดยจะต้องผ่านการคัดกรอง ซักประวัติ ไม่มีไข้สูง ไม่มีอาการซึม ทานอาหารได้ ไม่มีโรคประจำตัว พ่อแม่ผู้ปกครองพร้อมให้การดูแล และมีห้องแยกสำหรับป้องกันการแพร่เชื้อ ทางรพ. จะส่งเครื่องมือวัดไข้ วัดออกซิเจน ยา อาหาร 3 มื้อ และของเล่นเด็ก จากนั้นทีมพยาบาลก็จะมีการซักถามอาการในทุกเช้า หากพบว่าติดเชื้ออาการรุนแรงจะขอให้เข้ารับบริการรักษาใน รพ. หรือเด็กมีอาการเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองสามารถโทรเข้ามาได้ที่ LINE OA ซึ่งจากการรักษาที่ผ่านมาโอกาสอาการเปลี่ยนแปลงพบเพียง 1-2% เท่านั้น เน้นย้ำส่วนเด็กทารก- เด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี จะต้องเข้ารับการคัดคกรองและรักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้เคียงบ้าน”

ด้านสถานการณ์เตียง นพ.อดิศัย อธิบายว่า ในภาพรวมของทางกรุงเทพฯ ทั้งหมด 20 แห่งในเครือข่ายยูฮอสเน็ต (UHOSNET) กรมการแพทย์ และสำนักงานการแพทย์ กทม. กว่า 500 เตียง มีอัตราครองเตียงประมาณ 80% ซึ่งสำหรับเด็กอาจจะยากกว่าผู้ใหญ่ เพราะเตียงเด็กจะมีการแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. เด็กอายุน้อยกว่า 20-30 วันหรือกลุ่มเด็กทารกแรกเกิด 2.เด็กอายุ 1-5 ปี และ3.เด็กอายุมากกว่า 12 ปี ดังนั้นจำนวนเตียงของกทม. ก็มีเด็กทั้ง 3 กลุ่มเข้ารับการรักษา ในส่วนของทางรพ. สถานการณ์เตียงค่อนข้างหนาแน่น โดยมีการตั้งรับจำนวนเด็ก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

โซเชียลแชร์เรื่องซึ้ง "พลทหาร" เอ่ยคำทำน้ำตาซึม "MK Group" ส่งมอบอาหารให้ถึงโรงครัวพระราชทาน
เขมรไม่ยอมจบแน่! เพจดังเปิดภาพดาวเทียม "เขาพระวิหาร" ตกอยู่ในวงล้อมฝ่ายทหารไทย จับตากัมพูชาเอาคืน
NARIT ชี้แจง ลูกไฟสีเขียวใหญ่บนฟ้า เสียงดังสนั่น  คาดเป็น "ดาวตกชนิดระเบิด" 
"สื่อกัมพูชา" ยอมรับแล้ว เขมรสร้างข่าวปลอม "กองทัพไทย" ใช้สารเคมีโจมตีทางทหาร
จันทบุรี ชาวกัมพูชาแห่กลับบ้าน หลัง "ฮุน" ปล่อยข่าวจะยึดที่ดินคืนหากไม่กลับ
แก๊งแว้นชาวคูเวตสร้างความเดือดร้อน ขี่รถจยย.เบิ้ลท่อเสียงดัง ชาวบ้าน อดหลับ อดนอน ทั้งคืน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​