เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตประเด็นเรื่องรถไฟทางคู่ว่าเหตุใดราคาการประมูลจึงมีราคาไม่แตกต่างจากราคากลางมากนักว่า เรื่องนี้เป็นวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-bidding ของกรมบัญชีกลางที่ประกาศตามระเบียบพัสดุ ที่จัดทำโดยกรมบัญชีกลางเอง และหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่ได้มีหน้าที่จัดการประมูล แต่มีหน้าที่ทำข้อกำหนดรายละเอียด หรือทีโออาร์เท่านั้น เพื่อนำขึ้นเว็บไซต์รับฟังความคิดเห็นตามกระบวนการ และดำเนินการตามมาตรา 17 และมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ที่มีคณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริตกำกับดูแล ทั้งนี้ในส่วนของราคากลางได้มีการพิจารณาไว้ตั้งแต่ปี 2555 ก่อนนำมาปรับปรุงเมื่อปี 2561 เพื่อให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ซึ่งตอนนั้นตนยังไม่ได้เข้ามาทำหน้าที่รมว.คมนาคม เพราะตนเข้ามาทำหน้าที่ในเดือนก.ค. ปี 2562 และราคากลางปัจจุบันเหล็กได้ขึ้นราคาเพิ่มอีก 30-40 % แต่เรายังใช้ราคากลางเดิมในการยื่น โดยคนมายื่นซื้อแบบก็มีสิทธิ์ประมูลว่าเขาจะกดราคาเท่าไหร่ โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยไม่มีสิทธิ์รู้ โดยจะรู้ก็ต่อเมื่อมีการประมูลเสร็จ และกรมบัญชีกลางส่งรายละเอียดการประมูลมาให้ จากนั้นการรถไฟแห่งประเทศไทยจะตรวจสอบคุณสมบัติและใครเสนอราคาต่ำกว่าราคากลาก็จะได้รับการว่าจ้าง ไม่มีอะไรพิเศษ
“ยืนยันว่าไม่มีล็อคสเปคอะไร เพราะโครงการนี้มีมาตั้งแต่ปี 2555 และผ่านคณะรัฐมนตรีในปี 2561 ก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบการประมูลอของกรมบัญชีกลาง วิธีนี้ถูกต้องแล้วและเป็นไปตามระเบียบราชการ เพราะเราไม่สามารถทำวิธีไหนได้ ที่ผ่านมามีคนวิพากษ์วิจารณ์ผ่านโซเชียลมีเดียมากมายจนทำให้ข้อมูลข่าวสารคาดเคลื่อน และทำให้เสียเวลา ผมได้สั่งให้ทุกหน่วยภายในกระทรวงคมนาคมว่าหากมีโครงการแบบนี้อีก นอกจากการรับฟังความเห็นทางเว็บไซต์กระทรวงแล้ว จะต้องมีการเปิดห้องในคลับเฮ้าส์ เพื่อเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหลายฝ่าย โดยเฉพาะนักวิชาการมาพูดคุยร่วมกันให้จบ เพราะข้าราชการกระทรวงเขาตามเรื่องเหล่านี้มานาน เขารู้ดีว่าไม่มีอะไรที่พิสดาร” นายศักดิ์สยาม กล่าว