เสือ 2 ตัวอยู่ถ้ำเดียวกันมิได้ สุภาษิตไทยโบราณนี้คงจะเป็นจริงดังว่า เพราะล่าสุด “บิ๊กแป๊ะ” สนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา พี่ใหญ่ตระกูลคุณปลื้ม ออกตัวมาเปิดศึกแตกหักกับ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังออกมาโพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวดับเครื่องชนคู่อริ ” วันหยุดที่ผ่านมามีใครต่อใครเป็นห่วงเป็นใยโทรมาถามกันมาก เรื่องเลือกตั้งทั่วไปว่ากลุ่มเรารักชลบุรีจะต้องสลายตัว เพราะพลังประชารัฐจะเลือกผู้สมัครมาลงเอง หลังจากผมไปคุยกับผู้ใหญ่มาแล้ว ก็ได้เวลาที่ผมพอจะมาเล่าสู่กันฟัง ผมไม่เคยคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน เพราะหลายปีก่อนก็ได้รับคำร้องขอให้ไปร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐในสถานการณ์พิเศษในขณะนั้นเพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้ จนจู่ๆ ก็มีคนของพรรคประกาศว่าจะหาคนมาลง ส.ส.ทุกเขต ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรคจึงไม่ยากที่ผมจะสอบถาม ผู้ใหญ่ ที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่ต้น ผมได้รับคำตอบสั้นๆว่า มันก็อยากจะสร้างอาณาจักร อย่าไปสนใจ ” สนธยาโพสต์ดอกแรก
ก่อนจะหยิบยกเรื่องของ “หมา” มาขยายความเพิ่มเติมถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ” เวลาหมาเห่า ถ้าไม่สร้างปัญหาร้ายอะไร เราก็ไม่ควรไปดุ เพราะหมาก็ทำตามสัญชาติญานของหมา แต่คราวนี้ต่างไป เพราะผมเริ่มรู้สึกว่าหมาเริ่มก้าวร้าว ทั้งที่อุ้มชูมายาวนาน คนชลบุรีรักใครรักจริง คบใครคบจริง เราเป็นแบบนี้กันมาตลอด นับญาติกันมาตั้งแต่เกิด แต่กับการทรยศ หักหลัง เราก็จะไม่นิ่งเฉย” นายกเมืองพัทยาเขียนข้อความในเฟซบุ๊ค ชัดเจนว่าในทางการเมืองทุกคนรู้ดีว่าอดีตของนายสุชาตินั้นเคยเป็นเด็กบ้านใหญ่ ที่ “กำนันเป๊ะ” สมชาย คุณปลื้ม เจ้าพ่อภาคตะวันออกอุปถัมน์ค้ำชูเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงกันมาก่อน แต่เมื่อวันนึง “จังหวะ” และ “โอกาส” มาถึง สุชาติก็ขอฉีกตัวมาเลือกทางเดินของตัวเองโดยไม่อยู่ใต้ชายคาบ้านใหญ่อีก และเจ้าตัวยิ่งโดดเด่นมากยิ่งขึ้นหลังสิ้นยุคกำนันเป๊าะ ต่อด้วยยุคขอลงของตระกูลคุณปลื้ม ก็เป็นช่วงที่สุชาติเปล่งประกายแสงทองผ่องอำไผ
หลังปล่อยให้ฝ่ายข้ามเล่าเรื่องหมาก้าวร้าวจบ สุชาติก็หยิบนิทานพงศาวดาร เรื่อง “ขุนศึกคู่กาย กับแม่ทัพอันไซเมอร์” มาหักล้างแฉฝ่ายตรงข้ามบ้าง ความว่า ” นานมาแล้ว มีขุนศึกกับแม่ทัพ คู่นึง ขุนศึกรักเคารพ แม่ทัพเหมือนพี่คนนึง สั่งให้ไปรบไปที่ไหน ไม่เคยปฏิเสธ สู้ตายถวายหัวทุกสนามรบ แม้กระทั่งวันที่ไม่เหลือขุนศึกคนอื่นเลย ที่สำคัญส่วนใหญ่ขุนศึกคู่กายคนนี้ รบชนะทุกครั้ง วันนึงขุนศึกคู่กาย ขอกลับมาดูแลครอบครัว และเรือกสวนไร่นาที่ทิ้งไปนาน เลยบอกแม่ทัพว่า ขอวางมือ… ปรากฎว่า 3 ปีที่แล้ว มีสงครามใหญ่ แม่ทัพเรียกขุนศึกคู่กาบ มาพูดคุยด้วยว่า ขอให้มาช่วยกันถ้าแพ้ศึกครั้งนี้เค้าและครอบครัวจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ด้วยความรักและเคารพในตัวแม่ทัพ ขุนศึกคู่กายยอมทิ้งลูกทิ้งเมีย ทิ้งไร่นาสวน มาร่วมรบอีกครั้ง โดยการรบครั้งนี้ แม่ทัพให้ขุนศึกรับผิดชอบ 3 หัวเมืองหลัก ที่เหลือเป็นหน้าที่แม่ทัพรับผิดชอบ
ก่อนออกรบแม่ทัพรับปากว่า ถ้าชนะศึกจะปูนบำเหน็จให้ กระทั่งผลออกมา พอรบเสร็จ ขุนศึกรบชนะทั้ง 3 หัวเมือง ส่วนแม่ทัพแพ้ราบคาบทุกหัวเมืองหลังเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ ปรากฎว่าแม่ทัพเป็นอัลไซเมอร์ สิ่งที่รับปากไว้ลืมหมด รวมถึงเมื่อขุนศึกกลับบ้าน ไร่นา ครอบครัวเสียหาย แม่ทัพกลับไม่มีแม้แต่การเหลียวแล ขุนศึกก็ต้องก้มหน้าดูแลตัวเองไป แต่เชื่อมั้ยว่า วันนึงสิ่งศักดิ์สิทธิมีจริง เจ้าเมือง มาเจอขุนศึกคนนี้ ซึ่งบาดแผลเพิ่งจะตกสะเก็ดจากการสู้รบ สืบทราบจากชาวบ้านว่าเป็นนักรบมีฝีมือ มีความซื่อสัตย์ สู้รบด้วยการไม่คิดถึงชีวิตตัวเองและครอบครัว จึงปูนบำเหน็จให้เป็น เสนาบดี เหตุนี้เอง ขุนศึกจึงทำงานตอบแทนเจ้าเมืองด้วยความซื่อสัตย์ ถวายหัว ผลงานเป็นที่ประจักษ์ ” สุชาติร่ายยาวที่มาความขัดแย้ง ก่อนจะตอบโต้กรณีมีการพาดพิงเรื่องหมา ” ขอออกตัวก่อนผมไม่ใช่หมา แต่ที่ผ่านมาผมก็เลี้ยงหมานะ นิสัยของหมา คือ รักเจ้าของ รักลูกเจ้าของ วันนึง เจ้าของได้จากไป ก็ดูแลลูกเจ้าของ แต่ลูกเจ้าของไม่สนใจ แกล้งทุบตี
นิสัยหมามันก็ไม่เคยทิ้งเจ้าของ หรือลูกเจ้าของ มีแต่เจ้าของหรือลูกเจ้าของ เอาหมาไปปล่อยวัด วันนึงมีคนเก็บหมาตัวนี้ไปเลี้ยงดูแลเห็นคุณค่า ในความซื่อสัตย์ของหมาตัวนี้ แล้วยังจะมีใครคิดว่า หมาถูกปล่อยวัดแล้ว จะยังเป็นหมาของคนๆนี้อยู่เหรอ ลองพิจารณาดูนะครับ” สวนกันคนละดอก ออกกันคนละหมัดระหว่างสุชาติกับสนธยา
ย้อนอดีตกลับไปการเลือกตั้งคราวที่แล้ว 24 มี.ค.2562 ชลบุรีมีผู้แทนได้ 8 คน พรรคพลังประชารัฐกวาดไป 5 เขต ในเขต 1 2 3 4 8 ส่วนพรรคอนาคตใหม่เอาไป 3 ในเขต 5 6 7 อย่างไรก็ตาม 5 เขตที่พรรคพลังประชารัฐได้ไปนั้น 3 ใน 5 ตัวคือผลงานของกลุ่ม “พลังเฮ้ง” ก๊วนสุชาติที่เจ้าตัวเป็นคนรับผิดชอบใน 3 พื้นที่ ประกอบด้วย เขต 1 สุชาติลงเองและชนะขาด เขต 2 “ผู้กองเบิร์ด” ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ที่ล้ม “กำนันนิตย์” มานิตย์ ภาวสุทธิ์ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลงได้ และ เขต 3 “ส.ส.หนวด” รณเทพ อนุวัฒน์ ที่เซอไพรซ์ล้มช้างอย่าง ประมวล เอมเปีย อดีตส.ส.เก่าพรรคประชาธิปัตย์เช่นกัน ส่วนอีก 2 ตัว คือ เขต 4 สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ และ เขต 8 สะถิระ เผือกประพันธุ์ ทั้ง 2 คนล้วนเป็นสายตรงของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ ที่เคยเป็นเต้ยรับราชการอยู่ในชลบุรีและรู้จักคุ้นเคยนักธุรกิจ นักการเมือง ทุกคนเป็นอย่างดี
ในส่วนสนธยาและกลุ่มพลังชลของตระกูลคุณปลื้ม รับผิดชอบ 3 เขต คือ 5 6 7 “สีชัง-ศรีราชา-บางละมุง” แต่ปรากฎว่าแพ้เรียบทั้ง 3 เขต แม้กระทั่ง “เสี่ยติ๊ก” อิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม ที่ลงเขต 6 ก็แพ้จรัส คุ้มไข่น้ำ จากพรรคอนาคตใหม่ ไป 7,000 กว่าคะแนน ได้ที่ได้เป็นรัฐมนตรีเพราะมีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จึงมอบโควต้าให้ ขณะที่สุชาติมาเป็ย “จับกัง 1” หลัง “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ไขก๊อกลาออก แล้วพล.อ.ประยุทธ์จับผลัดจับผลูไปเลือกสุชาติมา ก่อนสร้างผลงานถูกชะตา ทั้งทำงานเก่ง ผลงานเพียบ ครบเครื่องทั้ง “บู๊- บุ๋น” จนกลายเป็นขุนศึกตึกไทยคู่ฟ้าสายตรงนายกฯ เที่ยวหน้าการเลือกตั้งทั่วไปจ.ชลบุรี ได้ส.ส.เขตเพิ่ม 2 ที่นั่ง จาก 8 คนเป็น 10 คน และดูเหมือนฝ่ายที่ได้รับไฟเขียวให้วางตัวผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ กลายเป็นสายพลังเฮ้งไม่ใช่สายพลังชล แถมล่าสุดสุชาติออกมาเกทับว่าวางตัวผู้สมัครไว้แล้ว 9 เขต เหลือ 1 เขตให้อิทธิพลที่เปรียบเหมือนน้องชายได้ลงสมัคร ด้านสนธยาและก๊วนคุณปลื้มยังเงียบไม่รู้จะแก้เกมส์อย่างไร หนทางตอนนี้มี 2 แนวให้เลือก 1.ถ้าไม่ไปอยู่กับพรรคสร้างอนาคตไทยที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับ 2 กุมารอย่าง “อุุตตม-สนธิรัตน์” ก็ต้องเลือกแนวทาง 2. ฟื้นพรรคพลังชลลงปกป้องศักดิ์ศรีบ้านใหญ่แข่งกับพรรคพลังประชารัฐและพรรคอื่นๆ
///////////////////////