วันนี้( 3 มิ.ย.64) กรณีนายไพรัตน์ สายวัน อายุ 61 ปี ไปรับศพชายที่ถูกรถชนเสียชีวิต บริเวณถนนสายแคนดง-สตึก เพราะเชื่อว่าเป็นศพของนายสงัด หรือล้าน สายวัน ลูกชายวัย 38 ปี ที่หายออกจากบ้านไปได้ 2 วัน
ถึงแม้สภาพใบหน้าศพจะผิดรูป เพราะถูกล้อรถทับ แต่นายไพรัตน์ ยังจำรอยสักของลูกชายได้ กระทั่งมีการรับศพมาหลังเกิดเหตุเมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อนำมาตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่บ้านเลขที่ 51 บ้านซาด หมู่ 7 ต.สระบัว อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์
ต่อมามีชาวบ้านต่างหมู่บ้าน มาตามเอาศพภายในงาน จนกระทั่งนายล้าน ลูกชายที่ตนเองคิดว่าเสียชีวิตแล้ว ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ที่กำลังจัดงานศพ เรื่องจึงแดงขึ้น และศพดังกล่าวที่นายไพรัตน์ เอามาตั้งไว้ที่บ้านไม่ใช่ศพนายล้านลูกชาย แต่เป็นศพของนายปองพล หรืออ๊อด พูลวงศ์ อายุ 35 ปีชาวบ้านหมู่ 3 บ้านหัวหนองแคน ต.สระบัว อ.แคนดง และล่าสุดศพนายอ๊อด ได้ถูกมาตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่บ้านแล้ว
บรรยากาศที่บ้านของนายล้าน ชาวบ้านต่างนำด้ายมาผูกข้อต่อแขน เพื่อเรียกขวัญตามประเพณีชาวอีสาน ตามความเชื่อของชาวบ้านเรื่องร้ายจะกลายเป็นดี ส่วนนายล้านยังมีท่าทีร่าเริง ไม่เครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
นายไพรัตน์ พ่อนายล้าน เล่าว่า หลังจากได้แจ้งตายให้ลูกแล้ว ก็ได้ไปเบิกเงินฌาปนกิจศพที่ทำไว้ประจำครอบครัว มาจัดการงานศพเป็นเงิน 70,000 บาท ใช้ไประหว่างงานประมาณ 40,000 บาท โดยหลังจากเรื่องราวยุติลง ตนได้เอาเงินเก็บของตนที่มีอยู่สมทบคืนให้กลุ่มฌาปนกิจศพครบถ้วนแล้ว หลังจากนี้ครอบครัวคงจะมีแต่เรื่องดีๆเข้ามานายไพรัตน์กล่าวทิ้งท้าย
ด้านนายถวิล สีงาม อายุ51ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 กล่าวว่า วันเกิดเหตุนายไพรัตน์ สายวัน พ่อของนายล้านยืนยันว่าเป็นศพที่เกิดอุบัติเหตุนั้นเป็นลูกชายตนเอง แม้นสภาพของศพจะมีใบหน้าที่ผิดรูป แต่ยังยืนยันว่าจำรอยสักของลูกชายได้แน่นอน ทางเจ้าหน้าที่เห็นว่าจำได้แน่ชัดว่าเป็นลูก เลยอนุญาตให้นำศพไปบำเพ็ญกุศลตามขั้นตอน ประกอบกับไม่มีใครมาอ้างเป็นญาติผู้เสียชีวิตนอกจากนายไพรัตน์ เท่านั้น
นายถวิล กล่าวต่อไปอีกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นอุทาหรณ์ โดยเฉพาะศพที่ผิดรูปไปจากเดิม เช่นหน้าตา รูปร่าง ควรจะต้องมีการพิสูจน์ที่แน่ชัด เช่นตำหนิรูปพรรณ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และอื่นๆมาประกอบ เพราะถ้าไม่ละเอียดอาจจะเป็นเหมือนเคสนี้