การเมืองตอนนี้ถามว่าใครคือนักการเมืองเนื้อหอมที่สุดในสภา ชั่วโมงนี้หนีไม่พ้น “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แม้ก่อนหน้านี้จะมีปัญหาหักเหลี่ยมเฉือนคมกับพี่น้อง 2 ป. ทั้ง “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กรณีปมรถไฟฟ้าสายสีเขียว ถึงขนาดพาเหรดนำ 7 รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย ลาประชุมครม.อังคารที่ 8 ก.พ.2565 อ้างตรงๆว่าไม่สะดวกใจจะประชุมครม.เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ เพราะเห็นแย้งเห็นต่างเรื่องการต่ออายุสัมปทานให้เอกชน จนถูกมองว่าอาจขยายวงบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างนายกฯกับพรรคภูมิใจไทย เสี่ยงที่จะทำให้รัฐบาลแตกเรือแป๊ะล่มได้ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมลดราวาศอกให้กันและกัน
ก่อนที่ทุกอย่างจะลุกลามบานปลายกลายเป็นไฟลามทุ่ง หลังประชุมศบค.ชุดใหญ่เสร็จสิ้นในวันศุกร์ที่ 11 ก.พ.2565 นายอนุทินมีโอกาสเปิดอกเคลียร์ใจกับพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์ กลางวงล้อมรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ เท็จจริงไม่มีใครรู้แต่รายงานข่าวของสื่อทุกช่องทุกฉบับเขียนตรงกันว่าเสี่ยหนูถอดสลักระเบิดเวลาได้สำเร็จ ถึงขนาดยืนกราน นายกฯไม่ต้องห่วง รัฐบาลยังไปต่อได้ เสียงในสภายังไม่ปริ่มน้ำ ” ท่านนายกฯ มีทางเลือกเดียวคืออยู่ครบเทอม และไม่ต้องห่วงจำนวน ส.ส.ในสภา หากมีการซักฟอกฝ่ายค้านจะรวมเสียงได้ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง และเสียงสนับสนุนนายกฯ มั่นใจว่าจะสามารถหาได้ไม่น้อยกว่า 260 เสียงอย่างแน่นอน” รายงานข่าวอ้างคำพูดเสี่ยหนูที่คุยกับนายกฯ
ความั่นใจของนายอนุทินในวันนั้น ข่าวแจ้งว่าเจ้าตัวถึงขนาดพกโพยที่มีการจดจำนวนส.ส.ของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลออกมาแสดงให้พล.อ.ประยุทธ์ดู พร้อมยืนกรานว่ามีเสียงในสภา 260 เสียงพร้อมสนับสนุนนายกฯให้ไปต่อ โดยในจำนวนนี้ ไม่ได้นับรวมเสียงของก๊วน “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จำนวน 18 คนที่ไปอยู่กับพรรคเศรษฐกิจไทย รวมถึง 3 ส.ส.คือ “เอกราช -วัฒนา” ช่างเหลา และ สมศักดิ์ พันธุ์เกษม ถ้าเอากันตามนี้แสดงว่านายอนุทินมั่นใจว่ามี “งูเห่า” ในพรรคฝ่ายค้าน ที่พร้อมแสดงตัวหนุนนายกฯไปต่อ อย่าลืมว่าปัจจุบันรัฐบาลมีเสียงทั้งสิ้่น 268 คน หากลบกลุ่ม 21 ส.ส.ที่ถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐออกไป ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็จะเหลือ 248 คน แต่นายอนุทินหยิบโพยคุยกับนายกฯ นั่งยัน ยืนยัน นอนยัน ว่ามีส.ส.ในสภา 260 คนหนุนนายกฯ บวกลบคูณหารตีความแบบเร็วๆก็แสดงว่าพรรคภูมิใจไทยมีงูเห่าที่ฝากเลี้ยงไว้ 12-13 คน กับพรรคฝ่ายค้าน ถึงขนาดกล้ายันตัวเลข 260 คนให้พล.อ.ประยุทธ์อุ่นใจได้ อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบที่แล้ว รัฐมนตรีพรรคเสี่ยหนูเคยได้คะแนนไว้วางใจถึง 269 คนมาแล้ว เพราะฉะนั้น 260 คนอาจจะเป็นงานจิ๊บๆของพรรคภูมิใจไทยก็เป็นได้
นอกจากจะจับเข่าคุยการันตีหนุนนายกฯแจวเรือแป๊ะต่อไปแบบลองเทอมแล้ว นายอนุทินยังให้สัมภาษณ์หวานเจี๊ยบยืนกรานจะพยายามทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพมากที่สุด ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรก็ต้องสนับสนุนนายกฯเต็มประตูเพราะนายกฯยังไม่เคยทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ทุกอย่างเป็นไปตามทำนองคลองธรรม สิ่งที่ทำทุกอย่างถ้าเป็นประโยชน์กับประเทศ ด้วยความเป็นรัฐบาลด้วยกันเราก็ต้องสนับสนุนต้องช่วยกัน “ผมเคยบอกไว้แล้ว มาด้วยกันก็ไปด้วยกัน ช่วยกันทำงานไป เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น” เสี่ยหนูทิ้งท้าย ใช่แต่ตัวนายอนุทินเท่านั้นที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น หากแต่พรรคภูมิใจไทยก็เนื้อหอมไม่น้อยเช่นกัน เพราะล่าสุด 3 ขบถผู้แทนที่ถูกพรรคพลังประชารัฐขับออก อย่าง “เอกราช-วัฒนา-สมศักดิ์” ก็ตกลงปลงใจไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยโรงเรียนเนแล้ว ตรงนี้ก็ทำให้พรรคภูมิใจไทยมีเสียงส.ส.ขยับจาก 59 คนเป็น 62 คน ไม่นับรวมพวกงูเห่าที่ฝากเลี้ยงไว้อีกหลายตัว
แต่ถึงแม้จะเป็นช่วงขาขึ้นของเสี่ยหนูช่วงเนื้อหอมของพรรคภูมิใจไทย แต่ต้องยอมรับว่านายอนุทินและพรรคภูมิใจไทยนั้น “อยู่เป็น” และ “ฉลาด” ที่จะไม่เอาช่วงน้ำขึ้นของตัวเองไปกดดันพล.อ.ประยุทธ์ให้ผิดใจกัน วลีที่พูดเรื่องไม่คิดขอโควต้ารัฐมนตรีเพิ่มแม้จะมีส.ส.เพิ่มขึ้น ทั้งๆที่เป็นพรรคที่ร่วมหัวจมท้ายหนุนพล.อ.ประยุทธ์มาตลอด แถมยังยืนกระต่ายขาเดียวแบบถ่อมตัวว่าการปรับครม.เป็นสิทธิ์และอำนาจของนายกฯ ที่พรรคภูมิใจไทยไม่อาจเอื้อมไปก้าวก่าย ” ถ้าจะปรับ ครม. ก็เป็นเรื่องและสิทธิของ พล.อ.ประยุทธ์ ขณะนี้มีตำแหน่งรัฐมนตรีว่าง 2 ตำแหน่ง ซึ่งไม่ใช่โควตาของภูมิใจไทย ไม่ว่าจะมีส.ส.กี่คนก็ตาม เราถือว่าเริ่มมาเท่านี้ และยังเป็นช่วงปีสุดท้ายของสภา จึงต้องสนับสนุนและทำงานด้วยกันให้บ้านเมืองและประโยชน์มากที่สุด ” นายอนุทินกล่าว ประเด็นนี้ยิ่งได้ใจนายกฯ
การเมืองจากนี้ไปยังไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน อีกยาวสั้นเท่าไหร่กว่านายกฯจะยุบสภาจัดการเลือกตั้งใหม่ แต่ทุกย่างก้าวของนายอนุทินและพรรคภูมิใจไทยน่าสนใจยิ่งหนัก ในฐานะที่เป็นพรรคขนาดกลางที่เป็นตัวแปรสำคัญยิ่งทางการเมือง 62 เสียงบวกๆ ไม่ว่าเทไปข้างไหนข้างนั้นได้เป็นรัฐบาลแน่ ล่าสุดสดร้อนๆในการประชุมสภาเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ ม.152 พล.อ.ประยุทธ์ยกเรื่องรามเกียรติ์มาพูด ชี้จุดจบทศกัณฐ์ ฝ่ายนายอนุทินถูกนักข่าวถามว่าเปรียบตัวเองเป็นอะไรในเรื่อง เจ้าตัวตอบว่า “นางสีดา” ขอเป็นนางเอกเคียงคู่พระราม เมื่อถูกกระแซะถามความเป็นไปได้ในการเป็นนายกฯ หากพล.อ.ประยุทธ์เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง เจ้าตัวยกมือปาดหน้าผากกล่าวตอบว่า “เหงื่อแตกเลย” รวมทั้งสงวนสิทธิ์ไม่ขอตอบโต้นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีคนแดนไกลที่เหน็บหลายเรื่อง ทั้งฉีดวัคซีนส.ส.ฝ่ายค้านเข็มละ 30 ล้านบาท ได้ค่าหัวคิวซิโนแวค ฯลฯ ยันรู้บุญคุณคนไม่ขอด่าเจ้านายเก่า “เราเคยเป็นลูกน้องท่านมาก่อนและท่านเคยเป็นผู้บังคับบัญชา ท่านมีพระคุณต่อเรา ในหลายๆเรื่องในอดีตฉะนั้นเรายังมีความเคารพท่านอยู่ในฐานะผู้หลักผู้ใหญ่ จึงไม่ขอตอบโต้ใดๆถ้าจะตอบโต้อะไรก็ตอบโต้ในสภาผู้แทนราษฎร” นายอนุทินระบุ
เขี้ยวเลี้ยงพี่จริงๆ อวยพล.อ.ประยุทธ์ ไม่อัดทักษิณ ยุทธศาสตร์เหยียบเรือสองแคมกั๊กไว้ก่อน การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร วันนี้เป็นเพื่อนพรุ่งนี้อาจเป็นศัตรู ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน โดยเฉพาะนายอนุทิน พรรคภูมิใจไทย ใต้ปีก “เสี่ยเน” นายเนวิน ชิดชอบ พ่อใหญ่บุรีรัมย์เจ้าของพรรคตัวจริงเสียงจริง ปัจจุบันมี 62 เสียงแน่ๆในมือ งูเห่าที่ฝากเลี้ยงอีกกี่ตัวก็ยังไม่รู้แต่เชื่อแน่ว่ามีเยอะ อนาคตยังมีนักการเมืองที่ถูกดูดหรือทยอยเดินเข้าพรรคมาอีกเพียบ เป็นพรรคขนาดกลางที่พร้อมขยับเป็นพรรคขนาดใหญ่ พรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย อย่าประมาท คู่หู “หนู-เน” ถ้านายอนุทินกับนายเนวินบอกไม่คิดเรื่องเป็นนายกฯไม่คิดเรื่องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในการเลือกตั้งคราวหน้า คงไม่มีใครเชื่อแน่ๆ โอกาสดีๆ จังหวะเหมาะๆ บรรยากาศการเมืองเอื้ออำนวยแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ขาลง พรรคพลังประชารัฐเสื่อม พรรคเพื่อไทยแยกย้ายแตกหน่อ ไม่หวังเก้าอี้สร.1 รอบหน้าก็ไม่รู้จะไปหวังตอนไหนแล้ว
//////////////////////
