วันที่ 3 มิ.ย. 64 ที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางมาตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ โดยกล่าวถึงการเกิดระบาดของโควิด-19 จนเกิดเป็นคลัสเตอร์ของเรือนจำทั้งหมด 143 เเห่ง ซึ่งพบการติดเชื้อ 13 แห่ง ถือเป็นคลัสเตอร์ที่สำคัญ หากไม่มีการหยุดยั้งจะเกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ขึ้นได้อีก
สำหรับในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการขณะนี้ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง ประกาศให้เป็นพื้นที่สีแดง หลังพบตัวเลขการระบาดมีจำนวนมาก ขณะที่ภายในเรือนจำกลางสมุทรปราการ ยังคงเป็นพื้นที่สีขาว ซึ่งยังไม่พบการติดเชื้อ ดังนั้นต้องช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดการระบาด โดยขอให้ทุกคนช่วยกันสังเกตอาการของบุคคลรอบข้าง หากพบว่ามีบุคคลใดเข้าข่ายการติดเชื้อ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
ส่วนในวันนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากโรงพยาบาลบางบ่อ มาทำการฉีดวัคซีน เพื่อป้องโควิด19 ให้กับผู้ต้องขังภายในเรือนจำกลาง สมุทรปราการ เป็นวันแรก ซึ่งมีผู้ต้องขังทั้งหมดจำนวน 6,500 กว่าคน โดยเบื้องต้น ทำการฉีดวัคซีนเป็นระยะเวลา 4 วัน ตามเป้าหมายกำหนดให้ฉีดวันละ 2,000 คน โดยวัคซีนที่นำมาฉีดให้กับผู้ต้องขังเป็นวัคซีนซิโนแวค
สำหรับกรณีการหารือกับกรมควบคุมโรค ถึงแผนกระจายการฉีดวัคซีนให้กับเรือนจำ โดยจะเร่งฉีดวัคซีนให้กับผู้ต้องขังในพื้นที่สีขาวให้เร็วที่สุด ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดโควต้าวัคซีนของกรมควบคุมโรค โดยผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนนั้นจะต้องได้รับการตรวจว่าปลอดเชื้อโควิดจริงๆ ทั้งนี้คาดว่าในสัปดาห์หน้าพื้นที่สีขาวของเรือนจำจะได้รับการกระจายฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง
ขณะเดียวกัน นายสมศักดิ์ ยังได้สั่งการให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์จัดโซนพื้นที่สำหรับผู้ต้องขังใหม่ เพื่อเป็นการแยกสัดส่วนกันกับผู้ต้องขังเดิมเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการ ไม่ให้มีการปะปนกัน
สำหรับการลดสัดส่วนความแออัดของผู้ต้องขังนั้น ขณะนี้ มีอีกจำนวนหนึ่งที่กำลังจะได้ลดโทษ สำหรับนักโทษยาเสพติด ซึ่งกำลังมีการเสนอกฎหมายจำนวน 3 หมื่นคน เป็นการลดอัตราโทษลง รวมถึงยังมีการลดชั้นให้กับผู้ต้องขังทั้งหมดคนละ 2 ชั้นโทษ เป็นกรณีพิเศษเนื่องจากการระบาดของโควิด19 เพื่อลดระยะเวลาในการอยู่เรือนจำ ถือเป็นการลดความแออัดภายในเรือนจำ ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะใช้ระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งเป็นกรณีพิเศษ โดยจะหารือกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงความชัดเจนอีกครั้ง