ราชสีห์กับหนู อนุทินยันไม่ทิ้งตู่

โปรยยาหอมมาด้วยกันไปด้วยกัน ขอหนุนนายกฯจนสุดทาง แม้จะมีปัญหาขัดแย้งไม่ลงรอยเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว ประยุทธ์มีของเอาตัวรอดได้อีกยก หลังจับเขาคุยปัญหาขัดแย้งกันวันศุกร์ ค่ำวันเสาร์บุกถ้ำเสือลุยงานแต่งลูกแกนนำภูมิใจไทย จูบปากเคลียร์ใจ "อนุทิน-ศักดิ์สยาม" จับตาทำตามสัญญาจริงหรือแค่ซื้อเวลา

แม้จะเกิดเรื่องราวใหญ่โตระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ภายหลังนำ 7 รัฐมนตรีของพรรคลาประชุมครม. อังคารที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องของการแก้ไขปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่พล.อ.ประยุทธ์กับพี่กลางอย่าง “บิ๊กป็อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ต้องการให้ครม.เห็นชอบการต่ออายุสัมปทานสายสีเขียวไปให้กับบีทีเอสออกไปอีก 30 ปี เพื่อทดแทนภาระหนี้ที่กรุงเทพมหานครเป็นหนี้แก่ บ.บีทีเอสซึ่งถูกจ้างเข้ามาเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว และมีการควักเงินลงทุน 2 ส่วน ประกอบด้วย 1. เรื่องระบบอาณัติสัญญาและการเดินรถ 20,786 ล้านบาท และ 2. หนี้ค่าบริการเดินรถตกเดือนละ 580 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนเม.ย.พ.ศ. 2560จนถึงปัจจุบัน (ก.พ.2565) ตกเฉียด 40,000 ล้านบาทเมื่อรวมค่าดอกเบี้ย เบ็ดเสร็จทั้ง 2 ส่วน เป็นเงินรวมกันกว่า 60,000 ล้านบาท ที่กรุงเทพมหานครยังคงเป็นหนี้ไม่ยอมจ่ายเงินค่าจ้างให้บ.บีทีเอส

งานนี้ 2 พี่น้องบูรพาพยัคฆ์ อย่างพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.อนุพงษ์ อยากเคลียร์เรื่องนี้ให้จบๆ ไม่อยากให้เป็นประเด็นคาราคาซัง เพราะปล่อยไว้แบบนี้ก็จะเกิดกรณีหนี้ท่วมพร้อมดอกเบี้ยเป็นดินพอกหางหมู ลำพังกรุงเทพมหานครก็ไม่มีปัญญาจ่ายเงินให้บ.บีทีเอสอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงต้องเข้ามาจัดการสะสางปัญหาตรงนี้ให้จบ หากปล่อยเจ็ดน้ำไม่เปื่อยไปแบบนี้อนาคตมีหวังทั้งพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.อนุพงษ์ไม่แคล้วอาจถูกเอกชนฟ้อง ม.157 กรณีละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบในเรื่องนี้ก็เป็นได้ เพราะปล่อยให้เรื่องราวบานปลายไม่ยอมแก้ปัญหาให้ตกผลึกสะเด็ดน้ำเสียที หนำซ้ำอนาคตรัฐบาลอาจต้องจ่ายเงินค่าบริการพร้อมดอกเบี้ยมากกว่านี้หลายเท่าหากแพ้คดี และมีสิทธิ์กลายเป็นกรณีค่าโง่รถไฟฟ้าสายสีเขียว ซ้ำรอยหลายโครงการของรัฐที่เคยแพ้คดีเอกชนมาก่อนหน้านี้

ขณะที่ฝ่ายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ก็ยืนกระต่ายขาเดียวจุดยืนของฝ่ายตัวเองและกระทรวงคมนาคม โดยตั้งข้อสังเกตเห็นต่าง 4 เรื่อง 1.การต่อสัมปทานถูกต้องตามหลักพ.ร.บ.ร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชน พ.ศ.2562 หรือไม่ 2.การคิดค่าโดยสารที่เหมาะสม 3.การใช้ทรัพย์สินของรัฐที่ได้โอนจากเอกชน 4.ข้อพิพาททางกฎหมาย ทั้งหลายทั้งมวลได้อ้างเป็นห่วงหากรัฐบาลมีการต่อสัมปทานสายสีเขียวออกไปอีก 30 ปี จะทำให้ราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวสูงขึ้น ท่ามกลางกระแสข่าวมี “ไอ้โม่ง-ไอ้ห้อย-ไอ้โหน” ไม่พอใจที่ถูกเอกชนยื่นฟ้องศาลเรื่องเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วงบางขุนนนท์ -มีนบุรี หลังมีการแก้เงื่อนไขสัญญาทีโออาร์เอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางราย จนทำให้การประมูลต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด เลยพาลมาขวางการให้สัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวแทน นอกจากนี้ในที่ประชุมครม.พล.อ.ประยุทธ์ยังงงเป็นไก่ตาแตก เรื่องค่าโดยสาร 65 บาทที่ฝ่ายเห็นต่างยกมา เพราะเรื่องนี้มีการคุยกันมาหลายครั้งแล้ว แต่ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมไม่เคยเห็นแย้งและเออออห่อหมกมาโดยตลอด ฝ่ายพล.อ.อนุพงษ์ต้นเรื่องยิ่งปวดกบาลหนักเข้าไปอีก เพราะเสนอเรื่องนี้เข้ามา 7 รอบแล้วก็โดนตีกลับหมด แถมข้อมูล 4 ข้อที่กระทรวงคมนาคมอ้างว่าถามกระทรวงมหาดไทยไปแต่ยังไม่ได้รับข้อมูลที่ชัดเจน ทางพล.อ.อนุพงษ์สวนกลับทันทีว่าตอบไปหลายครั้งเป็นชาติผแล้ว ทำไมกระทรวงคมนาคมถึงยังไม่เข้าใจเสียที

กรณีความเห็นไม่ลงรอยของพล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.อนุพงษ์กับพรรคภูมิใจไทย พลอยทำให้รอยร้าวของรัฐบาลเกิดขึ้นอย่างชัดเจน และทำให้ภาพของรัฐบาลเรือแป๊ะเสื่อมทรุดหนักขึ้นไปอีก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งมีกรณีขับก๊วนส.ส. 21คนของ “ผู้กองแป้ง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พ้นจากพรรคพลังประชารัฐที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล จนทำให้กลายเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำไปเสียแล้ว มารอบนี้ก็เกิดปัญหาระหว่างนายกฯกับพรรคร่วมรัฐบาลอันดับ 2 อย่างพรรคภูมิใจไทยอีก แม้ไม่ถึงขั้นแตกหักกันอย่างชัดเจน แต่การลาประชุมครม.ยกโขยงของ 7 รัฐมนตรี พร้อมให้้เหตุผลว่าไม่สะดวกใจจะเข้าประชุมในเรื่องนี้ ก็ทำให้หลายคนเห็นชัดว่ารัฐบาลเรือแป๊ะขาดเอกภาพไม่ลงรอยกันเสียแล้ว ประเด็นปัญหาของเรื่องนี้ทำให้หลายคนหวั่นวิตกว่ารัฐบาลอาจไปต่อยาก พล.อ.ประยุทธ์อาจอยู่ต่อลำบาก ลำพังปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐก็อ่วมอรทัยอยู่แล้ว เจอขบเหลี่ยมขัดแย้งกับพรรคภูมิใจไทยเข้าไปอีก งานนี้จะไปต่อกันยังไง ลำพัง 267 เสียงฝ่ายรัฐบาลที่มีก็แทบเอาตัวไม่รอด 3 ปีเศษสภาล่มไป 17 ครั้ง เจอ 21 คนของร.อ.ธรรมนัสแยกวงไปตั้งพรรคใหม่อีก เหลือที่ชัวร์ๆตอนนี้ก็แค่ 246 คน เกินกึ่งหนึ่งของสภา 238 เสียงมาแค่ 8 คน สภาพร้อมล่มกฎหมายพร้อมตกนายกฯมีสิทธิ์ลาออกได้ทุกขณะ

ชาวบ้าน เอกชน คนทุกวงการ หนาวกันไปหมดเพราะยุบสภาที่ทำท่าว่าอีกนาน อาจจะล้นมาเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่พล.อ.ประยุทธ์แสดงให้เห็นว่าเป็นคน “มีของ” และ “เอาตัวรอดเก่ง” ในทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์คับขันขนาดไหน หลังการประชุมศบค.วันศุกร์ที่ 11 ก.พ.คุยกันเรื่องโควิด-19 แล้วเสร็จ เจ้าตัวก็ลากนายอนุทิน นายศักดิ์สยาม กับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องปิดห้องคุยเคลียร์ใจกันทันที เพื่อไม่ให้ปัญหานี้ลุกลามออกไป อีก ก่อนจะเดินแถวนำรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมายืนแถลงแบบยกแผง ยืนกรานไร้เกาเหลาเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว “ความจริงไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ผมคุยกับบรรดาหัวหน้าพรรคและพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ฉะนั้นอย่าทำให้มันสับสนอลหม่านไป เพราะมันไม่มีอะไรดีขึ้นกับประเทศเลย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว โดยมีรายงานข่าวว่าระหว่างพูดคุยนายกฯได้ถามย้ำเสี่ยหนูว่าจะไปต่อกับรัฐบาลไหม นายอนุทินหยิบโพยจำนวนส.ส.ในสภามาให้นายกฯดู พร้อมยืนกรานหัวเด็ดตีนขาดไม่คิดทิ้งนายกฯ จะอยู่สนับสนุนเป็นรัฐบาลกันไปยาวๆ ก่อนให้คำมั่นกับผู้นำรัฐบาลอย่ากังวลเรื่องการเมืองในสภาหรือสภาล่ม เพราะพรรคภูมิใจไทยพร้อมช่วยเหลือเต็มที่

เครียร์ใจกันเสร็จวันศุกร์ วันเสาร์ 12 ก.พ.2565 พล.อ.ประยุทธ์ก็บุกเดี่ยวเข้าถ้ำเสือ หลังเดินทางไปร่วมเป็นประธานคู่กับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนรษฎร ในพิธีฉลองมงคลสมรสระหว่าง น.ส.ปารีณา ซักเซ็ค บุตรสาวนางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กับ นายพงษ์พันธ์ เผ่าประทาน บุตรชายนายสวาป เผ่าประทาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเดียวกัน ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่น งานนี้เรียกว่าชื่นมื่นเพราะตลอดทั้งงานพล.อ.ประยุทธ์ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากนายอนุทินและนายศักดิ์สยาม ชนิดนั่งชิดหวานชื่นกันตลอดงาน ก่อนที่ล่าสุด 14 ก.พ.2565 พล.อ.ประยุทธ์จะเกี่ยวก้อยควงคู่นายอนุทิน ยืนแถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) และ คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ครั้งที่ 1/2565 ยืนยัน ขอให้ทุกพรรคช่วยกันทำงานให้ประเทศชาติเดินหน้าไปให้ได้ ด้านนายอนุทินก็ให้สัมภาษณ์เรื่องเดียวกันว่า จะพยายามทำให้รัฐบาลเกิดความมีเสถียรภาพให้ได้มากที่สุด ” เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ต้องสนับสนุนนายกฯเต็มประตูอยู่แล้ว นายกฯยังไม่เคยทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ผิดไปจากนโยบายที่ได้แถลง ทุกอย่างเป็นไปตามทำนองคลองธรรม สิ่งที่ท่านทำทุกอย่างถ้าเป็นประโยชน์กับประเทศ ด้วยความเป็นรัฐบาลด้วยกันเราก็ต้องสนับสนุน ต้องช่วยกัน …..ผมเคยบอกไว้แล้ว มาด้วยกันก็ไปด้วยกัน ช่วยกันทำงานไป เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น” นายอนุทินยืนยันปิดฉากจบแบบหวานเจี๊ยบ คล้ายนิทานราชสีห์กับหนูที่เราๆเคยได้ยิน อนาคตเป็นเรื่องต้องพิสูจน์ว่าหนูจะรักษาสัญญาจริงไหม หรือแค่หลอกซื้อเวลาให้ราชสีห์ตายใจ

///////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ มอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุช้างป่าทำร้าย จังหวัดฉะเชิงเทรา
เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา จัดพิธีปิดโครงการ โคกหนองนา แห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์ รุ่นที่ 7/1
“ASEAN FIGHT” เปิดโหมดเดือดทะลุปรอท สะท้านสังเวียนผ้าใบ ในศึกรากหญ้ามวยไทย
“นายก หน่อย” ร่วมเครือข่ายพันธมิตรด้านสาธารณสุข สแกนกลุ่มเสี่ยงโรคมะเร็ง ตั้งเป้า 1 ล้านดวงใจ เพื่อคนโคราชต้องสุขภาพดี
ธนายุตม์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ตรวจเยี่ยม-อำลา สภ.รัตนาธิเบศร์ มอบสิ่งของสร้างขวัญกำลังใจตำรวจ
“ผบ.ทสส.” หนุนเต็มที่ กองทัพบกสร้างรั้วแข็งแรงบ้านหนองจาน ป้องกัน “เขมร” รุกราน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​