“ศรีสุวรรณ” จี้ “อธิบดีกรมป่าไม้ สอบที่ดิน “ทิดสมปอง” รุกป่าสงวน

"ศรีสุวรรณ" จี้ "อธิบดีกรมป่าไม้ สอบที่ดิน "ทิดสมปอง" รุกป่าสงวน

ศรีสุวรรณ ฯ เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ไม่ปล่อยยังรุกร้องให้สอบ “ทิดสมปอง” ต่อ ล่าสุดเข้าพบ อธิบดีกรมป่าไม้ ขอให้เร่งตรวจสอบที่ดิน “ทิดสมปอง” อาจเข้าข่ายถือครองที่ดินป่าไม้ ผิดอาญา ด้านอธิบดีกรมป่าไม้ เผยอยู่ระหว่างการลงพื้นที่ตรวจสอบ แต่ยังไม่ทราบว่าที่ดินเป็นของใคร พร้อมเร่งดำเนินการ

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้าพบนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ เพื่อร้องเรียนให้เร่งสั่งการให้มีการตรวจสอบที่ดินของ นายสมปอง นครไธสง หรือทิดสมปอง อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง พี่ออกมาระบุว่ามีการกว้านซื้อที่ดินกว่า 300 ไร่บริเวณรอยต่อเขต ส.ป.ก. ใน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ดูเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 นครราชสีมาลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วพบว่าพื้นที่ดังกล่าว แต่เดิมนั้น ส.ป.ก.เคยประกาศเป็นเขตของส.ป.ก แต่สภาพไม่เหมาะสมกับการทำเกษตรกรรม จึงส่งมอบพื้นที่ดังกล่าวให้กับกรมป่าไม้กลับไปดูแล

สำหรับที่ดินดังกล่าวนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว 6 แปลงจาก 11 แปลงพบว่าอยู่ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ ภูซำผักหนาม อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ทั้งหมด 200 กว่าไร่ ส่วนใหญ่พบมีการปลูกต้นยางพารา ไม่มีโฉนดที่ดิน ซึ่งบางส่วนอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนที่เตรียมการประกาศเป็นพื้นที่จัดสรรที่ทำกินตามนโยบายคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (ค.ท.ช.) ให้ราษฎรไร้ที่ดินทำกิน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายศรีสุวรรณยังกล่าวว่าเป็นที่ชัดเจนแล้วที่ดินดังกล่าวอยู่นอกเขตปฏิรูปที่ดินตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ อ.คอนสาร อ.หนองบัวแดง กิ่งอ.ภักดีชุมพล อ.หนองบัวแดง อ.เกษตรสมบูรณ์ อ.แก้งคร้อ และอ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินพ.ศ.2531 ซึ่งเป็นการประกาศให้อ.คอนสารทั้งอำเภอเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ซึ่งถ้าที่ดินไม่ได้อยู่ในแปลงส.ป.ก.ก็ต้องอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตามกฏกระทรวง ฉ.538 ซึ่ง ส.ป.ก.คืนพื้นที่บางส่วนออกมาจากเขตปฏิรูปที่ดินดังกล่าวแล้ว เพราะ ยังมีสภาพเป็นป่าไม้อยู่แต่กลับมีผู้บุกรุก แผ้วถาง ยึดถือครอบครองจำนวนมาก

โดยตนเองขอให้ตรวจสอบที่ดินละเอียดทั้งหมดและดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการเอาผิดผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรา 14 แห่งพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ที่ห้ามมิให้บุคคลใดถูกยึดครองยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรือที่อยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำการด้วยประการใดๆอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติหากผู้ใดฝ่าฝืนย่อมมีความผิดตามมาตรา 31 มีอัตราโทษจำคุก 1 ถึง 10 ปีปรับ 20,000 บาทแต่ถ้ายึดครองมากกว่า 25 ไร่และทำให้ต้นไม้ยืนต้นต้นน้ำลำธารเสียหายก็จะมีความผิดเพิ่มขึ้นเป็นโทษจำคุก 4 ถึง 20 ปีปรับ 2 แสนถึง 2 ล้านบาท

 

ด้านอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวภายหลังการรับเรื่องว่าสำนักงานจัดการกรมป่าไม้ ได้ไปลงตรวจสอบร่วมตรวจกับผู้ใหญ่บ้านได้มีการสอบถามรายละเอียดกับผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งผู้ใหญ่บ้านเองก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าพื้นที่ดังกล่าวนี้เป็นของใคร ว่าจะเข้าข่ายการกระทำความผิดตามกฎหมายหรือไม่ เพราะในวันลงพื้นที่ตรวจสอบยังไม่มีใครมาแสดงเป็นเจ้าของหรือใครครอบครองหรือใครมาใช้ประโยชน์ในบางพื้นที่อาจจะได้ที่ดินทำกินไม่ใช่ว่าใครอยู่แล้วจะต้องผิดกฎหมายพื้นที่บริเวณรอบก็มีการปลูกยางพาราด้วยเช่นกัน

แต่จากลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ามีสิ่งปลูกสร้างในลักษณะเพิงพัก ไม่ใช่ถาวร ส่วนจะมีการต่อไฟฟ้าหรือน้ำประปาหรือไม่ทนเองยังไม่แน่ใจ ก็ต้องรอตรวจสอบก่อน ตนเองสั่งการเร่งรัดให้ดำเนินการโดยพนักงานสอบสวนจะเป็นคนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เกษตรกรเลี้ยงกุ้ง จ.จันทบุรี ปรับตัวสู้ปัญหา "ปลาหมอคางดำ"
ด่วน! "แม่ทัพภาคที่ 1-2" สั่งเข้ม ปิดด่านชายแดนสระแก้ว-สุรินทร์-ศรีสะเกษ-บุรีรัมย์ ห้ามเข้าออก เว้นผู้ป่วย นักเรียน ตามหลักมนุษยธรรม
"เนเน่ รัดเกล้า" โบกมือลา "รทสช." แล้ว ขอก้าวมามองการเมืองจากข้างนอก
"อดีตสว.สมชาย" ลุ้น 1 ก.ค. ศาลรธน.รับคำร้อง "นายกฯอิ๊งค์" ผิดจริยธรม เผย มติ ป.ป.ช.เดินหน้าสอบด่วน ภายใน 10 วัน ปมคลิปเสียงคุย "ฮุน เซน"
อิสราเอลเปิดเที่ยวบินขาออกมากรุงเทพวันแรก
เมืองสัตหีบ ปิดฉาก ศึกเจ็ตสกีชิงแชมป์ประเทศไทย สนามที่ 2
"มหาดไทย-โยธาฯ" จัดรูปที่ดินนครสวรรค์ พลิกโฉมเมือง สร้างโครงสร้างพื้นฐาน-สวนสาธารณะ มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
รวบ! หนุ่มเขมรลักลอบทิ้งน้ำเสียลงคลอง ชาวบ้าน สุดทน จับมือ ตร.-อบต. ล้อมจับคารถบรรทุก
ป.ป.ช.เดินหน้า คดี "พีระพันธุ์" แจกถุงยังชีพ ตั้งคกก.ทำงานคู่ลุยไต่สวน พร้อมออกหมายเรียกรอบใหม่
“ผบ.ทบ.” ควง “มทภ.2” บินด่วนสุรินทร์ ถกแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินชายแดน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น