นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการจัดทำงบประมาณปี 2565 ว่า ในที่ประชุมครม.ได้หยิบยกงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข มาพูดคุย รวมถึงกรณีที่ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงมุมมองของนายกรัฐมนตรี ต่อท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล ที่ไม่พอใจการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่า ในส่วนของหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ก็จะได้ไปชี้แจงในกรณีนี้กับสมาชิกพรรคเพิ่มเติม การประชุม ครม.วันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิในไทย ก็จะไปชี้แจงกับสมาชิกพรรค ว่างบประมาณที่รัฐบาลจัดสรร โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข อาจมีความเข้าใจผิดในส่วนนี้
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข นอกจากดูงบประมาณในรายกระทรวงแล้ว ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข จะมีงบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช.และงบในสำนักต่าง ๆ ของกระทรวงสาธารณสุขเอง ยังรวมถึงงบกลาง และมีงบประมาณจาก พ.ร.ก.กู้เงิน เข้ามาสมทบอีก เมื่อรวมกันแล้ว ก็จะทำให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญ ต่อการแก้ปัญหาโควิด -19 งบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข มีประมาณ 153,900 ล้านบาท และยังมีงบประมาณที่ตั้งใว้ใน สปสช.และกองทุนการแพทย์ฉุกเฉิน ทำให้มีงบประมาณรวมแล้วกว่า 293,000 ล้านบาท ดังนั้นหากมองเพียงส่วนเดียว อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
นายอนุชา กล่าวว่า กรณีที่กระทรวงสาธารณสุขใช้งบกลาง 311 ล้านบาท แก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ในเรือนจำ ซึ่งไม่ได้เป็นการใช้งบกระทรวง เช่นเดียวกับการทำสถานที่กักตัว ให้กับประชาชน ก็มาจากงบกลาง การจัดหาวัคซีนหลาย 10 ล้านโดสช่วงก่อนหน้านี้ก็เป็นการใช้งบกลาง ไม่ได้ใช้งบประมาณของกระทรวง ขณะที่การตรวจคัดกรองให้กับประชาชน ก็เป็นงบประมาณที่มาจากเงินกู้
“นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่มีความระหองระแหงเกิดขึ้นในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะการประชุม ครม.วันนี้ เป็นไปด้วยดี ทุกพรรคการเมือง ได้ชี้แจงทำความเข้าใจสมาชิกของแต่ละพรรคเพิ่มเติมแล้ว และนายอนุทินเอง ก็เตรียมที่จะชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อย้ำถึงความเหมาะสมในการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข รัฐบาลไม่มีปัญหา และพร้อมเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชน สร้างความชัดเจนในทุกเรื่อง” นายอนุชา กล่าว
ส่วนการเยียวยาผลกระทบนั้น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ โดยเฉพาะเงินกู้ 500,000 ล้านบาท ที่จะเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรนั้น รัฐบาลหวังว่า จะได้รับความร่วมมือจากสมาชิกที่วันนี้ได้อภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี มุ่งให้รัฐใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นไปในการแก้ปัญหาโควิด-19 ซึ่งพ.ร.ก.นี้ ก็มีแผนงานที่ชัดเจน ในการแก้ปัญหาโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข ทั้งเรื่องของการจัดหาเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ การดูแลผู้ป่วย การจัดหาวัคซีน และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ