แม้ช่วงนี้ ประชาชนเรียนรู้ที่ไม่หลงกลแก๊งคอลเซนเตอร์ จนปรากฎคลิปการคุยโทรศัพท์ดักทางมิจฉาชีพเพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อ จนทำให้แก๊งนรกหลอกลวงไม่สำเร็จ แต่ล่าสุดมีรายงานว่า แก๊งดังกล่าวปรับเปลี่ยนเนื้อหาการหลอกลวงใหม่ โดยใช้ประเด็น “บัญชีม้า” จนหญิงสาวตกเป็นเหยื่อ เรื่องราวนี้เปิดเผยขึ้น เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 4 ก.พ.65 น.ส.เจน(นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ อาชีพเป็น บุคคลากรสถานพยาบาลแห่งหนึ่ง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซนเตอร์ เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา จนทำให้ต้องสูญเสียเงินเก็บนับแสนบาท ซ้ำเพิ่งจะนำเงินฝากตู้อัตโนมัติช่วงเช้าวันดังกล่าว แต่พอมาช่วงเย็นกลับถูกหลอกจนสูญเงินไป
น้องเจน เล่าว่า เวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 31 ม.ค. ขณะกำลังขับรถกลับบ้าน ได้รับโทรศัพท์จาก เบอร์ +1(800)289565 ปลายสายเป็นเสียงหญิงสาว แจ้งว่า ติดต่อมาจากสำนักงานไปรษณีย์ไทย สำนักงานใหญ่ กทม. ว่า มีพัสดุตกค้างโดยมีชื่อตนเป็นผู้รับส่วนผู้ส่งลงชื่อว่า “นายสมชัย แซ่ลี้” ตรวจสอบภายในกล่องพบเอกสารหนังสือเดินทางและเอกสารสถาบันการเงินจำนวนมาก ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับคดีผิดกฎหมาย เบื้องต้นประสานตำรวจโรงพักให้รับเรื่องแล้ว พร้อมแจ้งตนว่าทางตำรวจอยู่ระหว่างรอสายเพื่อคุยกับตนโดยตรง
แก๊งคอลเซนเตอร์ มามุขใหม่ "อ้างบัญชีม้า" เหยื่อเบลอหลงเชื่อโอนเงินสูญ 1.2 แสนบาท
ข่าวที่น่าสนใจ
แม้ตนปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่อง แต่ปลายสายได้พูดคุยกดดันให้ตนรีบติดต่อ ตนจึงยอมให้สายแรกโอนไปหาอีกสาย เมื่อรับสายเป็น ชายแจ้งว่า เป็นตำรวจยศ ร้อยตำรวจโท ตำแหน่ง “รองผู้กำกับการ” สภ.แหลมฉบัง ซ้ำยังให้ไอดีไลน์ตนมาเพื่อแอดไปหา และ ให้ตนเปิดกล้องเพื่อยืนยันความเป็นตำรวจ ตนจึงแอดไลน์พบว่า ไลน์ดังกล่าวใช้รูปโพรไฟล์ตราตำรวจและเขียนชื่อว่า แหลมฉบัง เมื่อวิดิโอคอลไปหา ชายรายนี้ได้เปิดกล้อง
เป็นชายผิวคล้ำ ไว้ผมเกรียน อายุประมาณ 45-50 ปี แต่งเครื่องแบบตำรวจ นั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน พื้นหลังห้องสีขาว และมี วิทยุสื่อสารตั้งอยู่ด้านหลัง ซึ่งในวิทยุสื่อสาร จะมีเสียงเรียก ว.1 ว.2 หรือ ว.5 คุยกันไปมา แต่หลังเปิดกล้องได้ไม่ถึงนาที ชายดังกล่าวได้ขอปิดวิดิโอ ก่อนชวนตนคุยถามพร้อมยกตัวอย่างชื่อบุคคล 4-5 ราย มาสอบถาม ซึ่งตนยืนยันว่าไม่รู้จัก
“หลังจากนั้นชายชุดตำรวจได้บอกตนว่า ชื่อ-นามสกุล ของตนไปปรากฎในบัญชีธนาคารที่มิจฉาชีพว่าจ้างใช้สำหรับโอนเงิน เข้า-ออก เช่นเดียวกับรายชื่อบุคคลที่แจ้งมา ก่อนชายชุดตำรวจทำทีพูดผ่านวิทยุไปหาตำรวจหญิงรายหนึ่งให้เช็กชื่อ ซึ่งทางนั้นได้พูดวิทยุกลับมาว่า ชื่อของตนปรากฎจริง หลังจากนั้นชายชุดตำรวจ บอกต่อว่า คดีนี้ที่ท่านผู้กำกับการให้ความสนใจ และ กำชับตนให้ความร่วมมือก่อนโอนสายไปหาคนอ้างตัวเป็นผู้กำกับ”
กระทั่งได้พูดคุยกับคนสุดท้ายซึ่งแสดงตัวเป็นผู้กำกับ บอกตนว่า คดีของตนเข้าข่ายขบวนการฟอกเงิน เพราะเปิดบัญชีให้มิจฉาชีพผ่องถ่ายเงินผ่านบัญชี จึงต้องโอนเงินมาให้ตนตรวจสอบ มิฉะนั้นผ่านใน 1-2 วันนี้ ชุดสืบสวนจะลงพื้นที่ไปจับกุม แต่หากคุณบริสุทธิ์ใจควรโอนเงินในบัญชีส่งมาให้ตรวจสอบเกินใช้เวลาเพียง 15 นาที เมื่อเสร็จขั้นตอนจะรีบโอนกลับ
ทั้งนี้ ด้วยความกังวลใจประกอบกับ การพูดคุยกับบุคคลหลายรายไปมา นอกจากนี้ยังมีการเปิดกล้องให้เห็นเป็นตำรวจและเสียงวิทยุสื่อสาร ซึ่งได้ยินเข้ามาในโทรศัพท์ ตนจึงหลงเชื่อว่าเป็นตำรวจจริง ก่อนโอนเงินผ่านธุรกรรมออนไลน์ส่งเข้าไปในบัญชีที่ชายอ้างตัวเป็นผู้กำกับแจ้งมาให้ แต่หลังจากส่งเงินไปไม่นาน ตนถูกปิดช่องทางติดต่อทั้งหมด เมื่อรู้ว่าถูกหลอก หลังได้สติจึงนำหลักฐานเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
น้องเจน เปิดเผยต่อไปว่า เงินก้อนนี้เป็นเงินเก็บสะสมไว้ใช้ในครอบครัว เพิ่งนำเงินไปฝากเข้าบัญชีผ่านตู้ฝากเงินอัตโนมัติในช่วงเช้า ขณะไปทำงาน และ ช่วงเย็นก็มาถูกก่อเหตุดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้แก๊งคอลเซนเตอร์ ใช้มุขหลอกเหยื่อ คือ พัสดุ DHL ตกค้างก่อนมีตำรวจ หรือ DSI สวมรอย หรือก่อนหน้านี้ เป็นเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินอ้างว่าเหยื่อเปิดบัตรเครดิตติดหนี้ ตลอดจนอ้างว่าเป็นแก๊งเงินกู้นอกระบบที่ญาติเหยื่อไปกู้ยืม เป็นต้น
ส่วนการสวมรอยเป็นเจ้าหน้าที่ แก๊งเหล่านี้มักใช้ข้ออ้างว่าเหยื่อเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินหลังตรวจสอบพบข้อมูลจากพัสดุตกค้าง หากแต่ การอ้างว่าเหยื่อปรากฎชื่อในบัญชีธนาคารซึ่งเปิดไว้เพื่อโอนเงิน หรือ บัญชีม้า เพิ่งพบเป็นกรณีแรก
ทั้งนี้ที่ผ่านมา ตำรวจมีการจับกุมเครือข่ายเปิดบัญชีม้า ไว้สำหรับโอนเงินมิจฉาชีพ เครือข่ายยาเสพติด หรือ แก๊งคอลเซนเตอร์อย่างต่อเนื่อง คาดว่า แก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ได้นำประเด็นดังกล่าวมาใช้สวมรอยก่อเหตุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
