วันนี้ (31 พ.ค. 64) หอประชุมเดชะตุงคะ กองบิน 41 นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายแพทย์ จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พลตรี วุฒิไชย อิศระ รองเจ้ากรมแพทย์ทหารบก พลตรี จรัส ปัญญาดี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 พันเอก สงบศึก วังแก้ว รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 นายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ และนายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม นายอำเภอแม่แตง ร่วมแถลงสรุปผลการดำเนินงานตามระบบ Bubble and Seal โรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ และการส่งคืนพื้นที่ปลอดภัยแก่กรมราชทัณฑ์และจังหวัดเชียงใหม่
นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าฯเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่พบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากพื้นที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ ได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อรักษาผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 มาเป็นเวลา 28 วัน ตามที่กำหนดไว้ และทุกฝ่ายได้ประเมินสถานการณ์แล้ว และพร้อมส่งมอบพื้นที่เรือนจำกลางเชียงใหม่เข้าสู่ระบบปกติได้โดยถึงวันนี้ในทางการแพทย์ถือว่าเรือนจำกลางเชียงใหม่ถือว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย และพร้อมที่จะดูแลรักษาผู้ป่วยในส่วนที่เหลือให้มีสุขภาพที่ดี กล่าวได้ว่าการปฏิบัติการตามแนวทางควบคุมโรคแบบ Bubble and Seal ได้บรรลุผลตามแผนตามโครงการอยางครบถ้วนแล้ว และพร้อมส่งมอบพื้นที่คืนให้กับกรมราชทัณฑ์และจังหวัดเชียงใหม่ โดยทางจังหวัดต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือร่วมแรงร่วมใจในการปฏิบัติถารกิจครั้งนี้จนลุล่วงไปด้วยดี
ด้าน นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงใหม่ ได้สรุปผลการดำเนินงานภายในเรือนจำกลางเชียงใหม่ ว่า จากการที่เกิดการระบาดภายในเรือนจำเชียงใหม่ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน 64 ที่ผ่านมา จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการควบคุมโรคในลักษณะพิเศษ Bubble and Seal เป็น 2 ระยะ จำนวน 28 วัน โดยเป็นการดำเดินการร่วมกันระหว่างจังหวัดเชียงใหม่ กรมราชทัณฑ์ กองทัพบกและกระทรวงสาธารณสุข บรรลุตามวัตถุปรดสงค์ที่วางไว้ 3 ประการ ตั้งแต่การป้องกันการระบาดออกจากเรือนจำสู่ชุมชน ควบคุมการระบาดในแต่ละแดนและในระหว่างแดนให้มีประสิทธิภาพ
ประการสุดท้ายคือการลดความรุนแรงและการเสียชีวิตของผู้ต้องขัง โดยการแยกกลุ่มบอบบางออกมาดูแล มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามภายในเรือนจำ เพื่อดูแลผู้ติดเชื้อที่มีอาการ ให้การรักษาอย่างรวดเร็ว เพิ่มยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรและยาฟาวิพิราเวียร์ รักษาผู้ติดเชื้อตามความเสี่ยงและความรุนแรงของโรค และในกลุ่มที่ไม่มีอาการ ทั้งนี้เมื่อครบ 28 วัน ได้มีการตรวจหาภูมิคุ้มกันในรอบสุดท้าย พบผู้ต้องขังที่ยังไม่มีภูมิต้านทาน เหลืออยู่ 380 กว่าคน ทั้งหมดได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และพบว่ามีผู้ติดเชื้อโดยที่ยังไม่มี อาการ 178 คน เป็นตัวเลขรอบสุดท้ายที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และยังเหลือผู้ที่ยังไม่มีภูมิต้านทานและไม่ติดเชื้อ 177 คน คิดเป็นร้อย 2.7% จากจำนวนผู้ต้องขัง 6,400 คน สรุปเมื่อครบ 28 วัน ผู้ต้องขังมีภูมิคุ้มกันหมู่จากการติดเชื้อ และจากการตรวจหาภูมิคุ้มกัน ประมาณร้อยละ 95 ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยแล้ว.
ด้าน นายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ กล่าวว่า ขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ใช้ความรู้ความสามารถ และทุ่มเทปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ ตลอดจนฝ่ายความมั่นคง รวมทั้งทหาร กองทัพบก และรองเจ้ากรมแพทย์ทหารบก ซึ่งทำให้พี่น้องในเรือนจำกว่า 6,000 คน มีขวัญกำลังใจในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 และขอบคุณผู้บริจาคสิ่งของรวมถึงสื่อมวลชนที่ได้ให้ข้อมูลแก่พี่น้องประชาชนภายนอก ทั้งนี้ พี่น้องในเรือนจำทุกคนได้ให้ความร่วมมือปฏิบัติตนอยู่ในความสงบเรียบร้อย และเข้มงวด จนกระทั่งภารกิจสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย