สัญญาณนับถอยหลังการเลือกตั้งทั่วไปเริ่มปรากฎชัดขึ้นเรื่อยๆ หลังสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ประกาศจำนวนราษฎรตามหลักฐานทะเบียนราษฎร์ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2564 โดยทั่วประเทศมีจำนวนราษฎรรวมทั้งสิ้น 66,171,439 คน แบ่งเป็นสัญชาติไทย 65,197,783 คน และที่ไม่ใช่สัญชาติไทย 973,656 คน ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศจำนวน ส.ส.แต่ละจังหวัดรวม 400 คน โดยคำนวณจำนวนราษฎรเฉลี่ยต่อ ส.ส. 1 คน อยู่ที่ 165,428 คน เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่แก้ไขระบบการเลือกตั้งกลับไปใช้บัตร 2 ใบ มีจำนวนส.ส.เขต 400 เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน จากเดิมเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 ใช้บัตรเลือกตั้ง 1 ใบ มี ส.ส.เขต 350 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน
โดยจังหวัดที่ได้ส.ส.เขตเพิ่มขึ้นมากกว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ประกอบด้วย จังหวัดที่ได้เพิ่ม 3 คน มี 1 จังหวัด คือ 1.กทม. จังหวัดที่ได้เพิ่ม 2 คน มี 5 จังหวัด คือ 1.นนทบุรี 2.เชียงใหม่ 3.บุรีรัมย์ 4.นครราชสีมา 5.ชลบุรี จังหวัดที่ได้เพิ่ม 1 คน มี 37 จังหวัด คือ นครนายก , พังงา , สตูล , แม่ฮ่องสอน , อ่างทอง , กระบี่ , บึงกาฬ , ภูเก็ต , อุตรดิตถ์ , ตรัง , ตาก , เลย , สมุทรสาคร , สระบุรี , สุโขทัย , นราธิวาส , พระนครศรีอยุธยา , ระยอง , สุพรรณบุรี , กาฬสินธุ์ , นครปฐม , เพชรบูรณ์ , มหาสารคาม , ชัยภูมิ , ปทุมธานี , สกลนคร , สุราษฎร์ธานี , เชียงราย , ร้อยเอ็ด , สมุทรปราการ , สุรินทร์ , นครศรีธรรมราช , ศรีสะเกษ , สงขลา , อุดรธานี , ขอนแก่น , อุบลราชธานี
เมื่อแบ่งตามภาคประกอบด้วย กรุงเทพมหานครจะมีส.ส.เขต 33 คน (30) เพิ่มขึ้น 3 คน ภาคเหนือจะมีส.ส.เขต 41 คน ( 33 ) เพิ่มขึ้น 8 คน
ภาคอีสานจะมีส.ส.เขต 132 คน ( 116 ) เพิ่มขึ้น 16 คน ภาคกลางจะมีส.ส.เขต 87 คน ( 76 ) เพิ่มขึ้น 11 คน ภาคตะวันออกจะมีส.ส.เขต 29 คน ( 26 ) เพิ่มขึ้น 3 คน ภาคตะวันตกจะมีส.ส.เขต 20 คน ( 19) เพิ่มขึ้น 1 คน และภาคใต้จะมีส.ส.เขต 58 คน (50 ) เพิ่มขึ้น 8 คน
เมื่อแยกส.ส.เขตเป็นรายจังหวัด แต่ละจังหวัดจะได้ส.ส.เขตดังนี้ (33 คน – 1 จังหวัด ) กรุงเทพมหานคร (16 คน – 1 จังหวัด) นครราชสีมา (11 คน – 3 จังหวัด) ขอนแก่น เชียงใหม่ อุบลราชธานี (10 คน – 2 จังหวัด) ชลบุรี บุรีรัมย์ ( 9 คน – 4 จังหวัด) นครศรีธรรมราช ศรีสะเกษ สงขลา อุดรธานี ( 8 คน – 5 จังหวัด) เชียงราย นนทบุรี ร้อยเอ็ด สมุทรปราการ สุรินทร์ ( 7 คน – 4 จังหวัด) ชัยภูมิ ปทุมธานี สกลนคร สุราษฎร์ธานี ( 6 คน – 5 จังหวัด) กาฬสินธุ์ นครปฐม นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ มหาสารคาม ( 5 คน – 7 จังหวัด) กาญจนบุรี นราธิวาส พระนครศรีอยุธยา พิษณุโลก ระยอง ราชบุรี สุพรรณบุรี ( 4 คน -12 จังหวัด) กำแพงเพชร ฉะเชิงเทรา ตรัง ตาก นครพนม ปัตตานี ลพบุรี ลำปาง เลย สมุทรสาคร สระบุรี สุโขทัย ( 3 คน -19 จังหวัด) กระบี่ จันทบุรี ชุมพร น่าน บึงกาฬ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พะเยา พัทลุง พิจิตร เพชรบุรี แพร่ ภูเก็ต ยโสธร ยะลา สระแก้ว หนองคาย หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์ ( 2 คน -10 จังหวัด) ชัยนาท นครนายก พังงา มุกดาหารแม่ฮ่องสอน ลำพูน สตูล อ่างทองนาจเจริญ อุทยธานี (1 คน – 4 จังหวัด) ตราด ระนอง สมุทรสงคราม สิงห์บุรี
แน่นอนว่าการแบ่งส.ส.เขตเพิ่้มขึ้นอีก 50 เขตทั่วทั้งประเทศ ตามกติการัฐธรรมนูญใหม่จาก 350 เขต เป็น 400 เขต โดยภาคอีสานจะมีส.ส.งอกใหม่อีก 16 เขต ภาคกลาง 11 เขต ภาคเหนือกับภาคใต้ได้เพิ่มเท่ากันที่ 8 เขต กรุงเทพมหานครได้เพิ่ม 3 เขต ภาคตะวันออกกับภาคตะวันตกได้เพิ่มภาคละเขต เห็นแบบนี้แล้วพรรคการเมืองขนาดใหญ่คงยิ้มหวานปากมันเพราะมีโอกาสได้บวกเพิ่ม โดยเฉพาะภาคอีสานที่ได้ส.ส.เพิ่มขึ้น 16 ตัว แชมป์เก่าอย่างพรรคเพื่อไทยที่เคยกวาด 84 คน พรรคภูมิใจไทย 16 คน พรรคพลังประชารัฐ 11 คน คงลุ้นกันสนุก ส่วนภาคกลางที่เพิ่มขึ้นอีก 11 คน พรรคพลังประชารัฐเคยได้ 35 คน พรรคเพื่อไทย 17 คน พรรคภูมิใจไทย 10 คน
ด้านภาคใต้ที่ได้เพิ่ม 8 ตัว ก็คงขับเคี่ยวกันอย่างหนักระหว่างพรรคประชาธิปัตย์แชมป์เก่าที่ได้ส.ส. 22 คนในคราวที่แล้ว กับพรรคพลังประชารัฐที่รอบก่อนได้ไปถึง 13 คน ส่วนภาคเหนือได้เพิ่ม 8 ตัว พรรคเพื่อไทยเคยกวาดไปมากถึง 26 คนจาก 33 เขต คราวหน้าก็คงกวาดเรียบเหมือนเคย ส่วนเมืองหลวงกรุงเทพมหานครรอบนี้ได้เพิ่มอีก 3 คนต้องดูว่าพรรคพลังประชารัฐจะรักษาตำแหน่งแชมป์เก่าได้เหลือ เพราะคราวที่แล้วได้มา 12 คน แต่ก็ห้ามประมาทพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลที่รอบก่อนได้ส.ส.มา 9 คน และพร้อมเบียดพรรคพลังประชารัฐที่กำลังเป๋และเสื่อมทรุดอย่างหนัก เห็นแบ่งเขตแบบนี้ก็รู้ชัดว่าพรรคไหนน่าจะได้ประโยชน์จากแบ่งเค้ก 400 เขตรอบนี้ไปแบบเต็มๆ
//////////////
