ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ การเลือกตั้งซ่อมเขต 9 จตุจักร-หลักสี่ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยผลการเลือกตั้งปรากฎว่านายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครหมายเลข 3 จากพรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งคว้าเก้าอี้ผู้แทนไปครอง ขณะที่แชมป์เก่าอย่างพรรคพลังประชารัฐซึ่งส่ง “มาดามหลี” นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ลงแข่งเพื่อรักษาฐานเสียงของนายสิระ เจนจาคะ ผู้เป็นสามีกลับได้คะแนนเสียงแค่ 7,906 คะแนน แพ้ชนิดไม่เห็นฝุ่น ทั้งๆที่การเลือกตั้งทั่วไปรอบที่แล้ว เมื่อ 24 มีนาคม 2562 นายสิระเคยได้คะแนนเสียงจากชาวบ้านอย่างท่วมท้นถึง 34,907 คะแนน ในส่วนของนายสุรชาติที่ชนะการเลือกตั้งนั้น การลงพื้นที่หาเสียงกับชาวบ้านอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยเฉพาะในพื้นที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธ์ศาสตร์สำคัญของการเลือกตั้งซ่อมในคราวนี้ เพราะมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสูงสุดถึง 60,973 คน ซึ่งนายสุรชาติสามารถกวาดคะแนนในแขวงนี้มาได้ถึง14,327 คะแนน จนเป็นจุดสำคัญที่ทำให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งซ่อมเที่ยวนี้ในที่สุด
ถึงขนาดที่นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยออกมาแถลงข่าวประกาศชัยชนะ พร้อมเคลมผลการเลือกตั้งคราวนี้ว่าเป็นชัยชนะของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ที่ประกอบด้วยพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงรวมกันมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ราว 49,777 คะแนน จากคนที่ออกมาใช้สิทธิ์ทั้งหมด 88,124 คะแนน เรียกว่าเป็นก้าวแรกในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของประชาชนที่ต้องการจะเปลี่ยนผู้นำรัฐบาลปรับพรรคที่เป็นแกนนำในการบริหารประเทศ
ความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปของพรรคพลังประชารัฐในคราวนี้ มีการวิเคราะห์หลายเหตุผล ประการแรกเพราะมีการตัดแต้มกันเองของพรรคฝ่ายรัฐบาลที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ซึ่งมีฐานเสียงเดียวกันอย่าง พรรคพลังประชารัฐ พรรคกล้า และ พรรคไทยภักดี ประการที่สองมีคนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในคราวนี้น้อยลงกว่าการเลือกตั้งทั่วไปคราวที่แล้วถึง 22 % จากเดิมในการเลือกตั้งเมื่อ 24 มีนาคม 2562 มีคนออกมาใช้สิทธิ์ 74.54 % ราว 122,755 คน จากผู้มีสิทธิ์ 171,250 คน แต่มารอบนี้คนออกมาใช้สิทธิ์ลดลงเหลือ 52.68 % ราว 88,124 คน ทั้งๆที่ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงมีมากถึง 167,287 คน การลดลงกว่าเดิมถึง 22 % ที่หายไป คิดเป็นสัดส่วนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ถึง 36,000 คน โดยมีการวิเคราะห์ว่าเสียงที่หายไปส่วนใหญ่น่าจะเป็นเสียงที่เคยสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐเลือกนายสิระเป็นผู้แทนในคราวที่แล้ว แต่มารอบนี้เลือกที่จะ “บอยคอต” พรรคพลังประชารัฐ สั่งสอนพรรคลุงป้อมที่มัวแต่ทะเลาะกัดกันเองมาตลอด หนำซ้ำแกนนำของพรรคอย่างร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรค ก็ทำตัวเป็นหอกข้างแคร่สร้างเรื่องราวไม่มีหยุด เพื่อหวังล้มพล.อ.ประยุทธ์พ้นเก้าอี้นายกฯมาโดยตลอด ส่งผลทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคพลังประชารัฐตกต่ำดำดิ่งลงอย่างน่าใจหายในสายตาประชาชน
เพราะขนาดนายสิระเข็นภรรยาอย่างมาดามหลีมาลง แต่ยังได้คะแนนสุดบู่ตกมาอยู่อันดับ 4 ด้วยคะแนน 7,906 คะแนน มีคะแนนได้แค่ 1 ใน 4 จากที่สามีเคยทำได้เท่านั้น อย่างไรก็ตามความพยายามของพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายแค้นที่ใช้วาทกรรมว่า “คนไม่เอาประยุทธ์” หรือ “คนไม่เลือกลุงตู่” แล้ว ดูจะเป็นการพูดที่โม้โอเวอร์เกินจริง เพราะย้อนอดีตกลับไปมีการเลือกตั้งซ่อมมา 9 เขตแล้ว พรรคเพื่อไทยก็เพิ่งได้นายสุรชาตินี้แหละที่มารักษาหน้าให้ ส่วนเขตอื่นๆ ถ้าไม่แพ้ก็ไม่ส่ง เพราะฉะนั้นการจะมาชุบมือเปิบพูดว่าคนไทยทั้งประเทศไม่เอาลุงตู่แล้ว โดยหยิบเฉพาะผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 9 มาเป็นตัวชี้วัด ก็ดูจะเป็นการพูดเข้าข้างตัวเองแบบสุดกู่
หากไปดูตัวเลขกันจริงๆ พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลรอบนี้แม้จะชนะการเลือกตั้งได้คะแนนรวมไป 49,777 คะแนนก็จริง แต่คะแนนรอบนี้ก็น้อยกว่ารอบก่อนที่พรรคเพื่อไทยกับพรรคอนาคตใหม่เคยได้คะแนนรวมกันถึง 57,850 คะแนน แต่ที่หนักกว่าคือพรรคฝ่ายรัฐบาลที่รอบนี้ 3 พรรค คือ พรรคพลังประชารัฐ พรรคกล้า พรรคไทยภักดี ได้คะแนนรวมกันแค่ 33,940 คนเท่านั้น ลดลงจากคราวที่แล้วที่พรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์เคยได้ถึง 51,162 คะแนน ลงกว่า 17,222 คะแนน ที่หายไปส่วนหนึ่งขอใช้สิทธิ์ไม่มาไม่ขอเลือกเพราะเบื่อพล.อ.ประวิตร ไม่ชอบพรรคพลังประชารัฐ เกลียดร.อ.ธรรมนัส อีกส่วนก็หันไปสนับสนุนนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี จากพรรคกล้า กับ นายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ จากพรรคไทยภักดีแทน
จากนี้ไปดูเหมือนมีการบ้านให้พล.อ.ประยุทธ์ต้องคิดหนักอีกหลายเรื่อง หากหวังจะใช้พรรคพลังประชารัฐเป็นฐานเสียงไปต่อทางการเมืองในอนาคต เพราะดูเหมือนพรรคได้เดินมาถึงจุดเสื่อมความนิยม เป็นช่วงขาลงอย่างแท้จริง ผลการเลือกตั้งซ่อม 3 เขตใน 3 จังหวัดก็แพ้หลุดลุ่ย ไล่ตั้งแต่ เขต 1 ชุมพร เขต 6 สงขลา และ ล่าสุดเขต 9 กทม. มองกันยาวๆ งานนี้พล.อ.ประยุทธ์หนาวแน่ถ้ายังหวังใช้พรรคพลังประชารัฐสภาพนี้ฝ่ามรสุมทางการเมืองเป็นนายกฯอีกสมัย เพราะเรือแป๊ะเริ่มผุพังจากปัญหาสนิมเหล็กที่เกิดแต่เนื้อในตน ถ้าไม่ยกเครื่องใหม่ไปต่อยาก
///////////////////