วันที่ 29 พ.ค.-นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กับ Top News ถึงมารยาทของพรรคร่วมรัฐบาลกับการโหวตลงมติพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 และพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ว่า เป็นหน้าที่ของส.ส.ที่จะต้องตรวจสอบเรื่องการใช้งบประมาณของรัฐ โดยต้องมีการรับฟังผู้ที่รับผิดชอบโดยตรงทั้งคณะรัฐมนตรีและรัฐบาลมาชี้แจงต่อสภาก่อน ว่ามีแผนการใช้จ่ายเงินที่ชัดเจนหรือไม่ ถ้าเป็นการลงทุนในธุรกิจใหม่รวมถึงจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทางทหารหรือก่อสร้างสิ่งที่ยังไม่ใช่ความเดือดร้อนเร่งด่วนของประชาชนในสถานการณ์โควิดในปี2565 ส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วย เพราะงบของปี 65 ไม่เหมือนงบปีอื่นๆเนื่องจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ประเทศไทยสู้กับสงครามอยู่ไม่ใช่สงครามทางกองทัพ แต่เป็นสงครามด้านสุขภาพ ประชาชนกำลังตกงาน จึงต้องเร่งช่วยเหลือจุดนี้ก่อน
นายพนิตยังตั้งข้อสังเกตว่า รัฐตั้งงบประมาณปี 2565 ที่ 3.1 ล้านล้านบาท ซึ่งรายได้ไปไม่ถึงเป้าแน่นอน โดยคาดการณ์ ที่ 2.4 ล้านล้าน ซึ่งขาดทุน แม้ว่าจะตั้งงบไว้น้อยกว่าปีที่แล้วก็ตามแต่กับสถานการณ์และรายได้ที่จะเข้ามาชดเชยกับการเก็บภาษีไม่ได้ตามที่ตั้งเป้า จึงเชื่อว่ารัฐบาลจะมีการกู้เพิ่มอีกกว่า 7 แสนล้านบาท ส่วนพ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทที่จะเข้าพิจารณาต่อจากพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 เป็นสิ่งที่จำเป็นจะนำไปเยียวยาช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศอย่างเร่งด่วน
นายพนิต ระบุว่า แม้ว่าเป็นส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่มีหน้าที่โหวตเห็นชอบพ.ร.บ.และพ.ร.ก.กู้เงินก็ตาม แต่ส.ส.ทุกคนไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ก็มีหน้าที่ที่จะต้องตรวจสอบการใช้เงิน พร้อมกับเตือนและชี้แนะให้รัฐบาลทำในสิ่งที่ถูกต้อง และทำให้ใกล้เคียงกับสิ่งที่ประชาชนต้องการให้มากที่สุด โดยส.ส. พรรคประชาธิปัตย์เองก็ต้องเคารพโดยมารยาทของพรรคร่วมรัฐบาล แต่หากไม่มีข้อมูลมาชี้แจงที่ชัดเจน ซึ่งส.ส. ในพรรคประชาธิปัตย์ก็แสดงข้อห่วงใย ซึ่งในวาระหนึ่งก็พร้อมที่จะโหวตรับในหลักการให้อยู่แล้ว
แต่ก็ต้องไปติดตามข้อมูลในชั้นกรรมาธิการพิจารณาอีกครั้งเพื่อจะพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ต่อไปแต่ไม่ควรที่จะออกมาชี้นำหรือพูดส่งสัญญาณล่วงหน้าว่าจะรับในหลักการทันที ทั้งที่ยังไม่ได้ฟังข้อมูลและแผนการใช้จ่ายเงิน มันเร็วเกินไป “มารยาทเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมีแต่ความถูกผิดก็เป็นอิสระของส.ส.ทุกคนที่จะตัดสินใจ ”
นายพนิต กล่าวว่า หน้าที่ส.ส.พรรคฝ่ายค้านก็มีหน้าที่ตรวจสอบ และไม่ให้ผ่านอยู่แล้ว ซึ่งมองว่า หากมีเรื่องส่อทุจริต ฝ่ายค้านก็ควรจะแฉและเปิดโปงข้อมูลทันที ขอให้ตรวจสอบจนถึงแก่นก่อนแต่การออกมาพูดล่วงหน้าว่าจะโหวตคว่ำร่างพ.ร.บ.งบประมาณและพ.ร.ก.เงินกู้ของรัฐบาล โดยยังไม่ได้ฟังการชี้แจงของรัฐบาลต่อสภาเลย ควรที่จะรับฟังก่อนว่าเป็นอย่างไร พร้อมกันนี้มองว่าประชาชนเดือดร้อนต้องการเงินมาเยียวยา เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด และส.ส.ทุกคน ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ย่อมเห็นอยู่แล้วถึงความเดือดร้อนของประชาชน
นายพนิต กล่าวอีกว่า ยังมองไม่ออกว่ายุบสภาในเวลานี้จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร เพราะปัญหาก็ยังต้องการการแก้ไข อย่างน้อยต้องจัดการเรื่องวัคซีนให้ได้ก่อนหากยุบสภาไปตอนนี้แล้วจะจัดการเลือกตั้งได้อย่างไร แล้วเรื่องการป้องกันโรคระบาดและวัคซีนจะจัดการต่อไปอย่างไร ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการยุบสภาในเวลานี้ ไม่ใช่ว่าเพราะตนเองอยู่ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล แต่เพราะว่าอย่างไรก็ตามงบประมาณต้องผ่านสภาไปก่อนและสิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือจัดการเรื่องวัคซีนให้มีระบบถูกต้องทั่วถึงและเร็วที่สุดก่อน รัฐบาลจะต้องชี้แจงและให้ข้อมูลกับสภาให้มากที่สุด ว่าจะทำอะไรบ้างเชื่อว่าไม่ใช่แค่พรรคร่วมรัฐบาลแต่ส.ส.ทุกคนจะเห็นด้วยเพราะประชาชนรอความช่วยเหลืออยู่เพราะขณะนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ
“รัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นซึ่งสร้างง่ายมากคือการทำทุกอย่างให้โปร่งใส การชี้แจงทุกอย่างให้ตรงไปตรงมาและมีข้อมูลให้กับตัวแทนประชาชน การกู้ 5 แสนล้านอยากจะผ่านให้ใจจะขาดแต่ถ้าผ่านไปแล้วกลับมาดูว่าใช้งบประมาณเอาไปทำขุดลอกคูคลอง ทำฝาย สร้างถนน ทำอะไรที่ไม่เกี่ยวกับช่วยประชาชนเรื่องโควิด มันใช่เหรอ ต้องตรวจสอบให้ได้ชี้แจงแผนการใช้จ่ายให้ได้ และที่สำคัญต้องมีมาตรการช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานหนักต้องดูแลเขาให้ดี เพราะวันนี้บุคลากรทางการแพทย์ คือกองทัพด่านหน้าในการสู้รบกับไวรัส ไม่ใช่ทหาร” นายพนิตกล่าว