วันนี้ ( 27 พ.ค. 64 ) นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ เปิดเผยถึงการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างโครงการรถไฟทางคู่ 5 สัญญา โดยการประมูล เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ได้มีการประมูลโครงการ ก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม
สัญญาที่ 1 ช่วงบ้านไผ่-หนองพอก ราคากลางอยู่ที่ 27,123,620,000 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 27,100,000,000ส่วนต่าง 23,620,000.00 ส่วนลด 0.09%โดย ผู้เสนอราคาต่ำสุด บริษัท เอ.เอส. แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) จำกัด และโครงการ ก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่ มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม
สัญญาที่ 2 ช่วงหนองพอก-สะพานมิตรภาพ 3 ราคากลาง 28,333.930,000 ราคาตำ่สุด 28,310,000,000 ส่วนต่าง 23,930,000.00 ส่วนลด 0.08% ผู้เสนอราคาต่ำสุด บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน)
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมาตนได้แถลงข่าวครั้งหนึ่งแล้ว ถึงการประมูล 3 โครงการแรก และมีเพียงแค่ 5 บริษัทที่สามารถนำผลงานเข้ายื่นเสนอราคาได้คือ 1.บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)3.บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรักชั่น จำกัด (มหาชน)4.บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรักชั่น จำกัด (มหาชน)และ 5.บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท อินยิเนียริ่ง (1964) จำกัด วันนี้ชี้ชัดแล้วว่าแบ่งกันลงตัวบริษัทละ 1 โครงการ ซึ่งราคาประมูลในแต่ละสัญญาที่มีราคาใกล้เคียงกับราคากลางอย่างมาก เหมือนบริษัทผู้ประมูลมีตาทิพย์
นพ.ระวี กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ที่ผ่านมาเคยเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจสอบโครงการนี้โดยเร่งด่วนว่า ทีโออาร์มีการล็อคสเปคและฮั้วประมูลหรือไม่ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับที่จะดำเนินการใด ๆฉะนั้นหากรัฐบาลยังนิ่งจะทำให้ประเทศเสียค่าโง่กว่า 1 หมื่นล้าน ซึ่งขณะนี้หากมีการชะลอการเซ็นสัญญาและเปิดให้มีการแข่งขันแบบโปร่งใส ประเทศก็จะไม่เสียค่าโง่มากถึงขนาดนี้ ตนเคยชื่นชมนายศักดิ์สยามเมื่อตอนต่อสู้กับค่าโง่โฮปเวลล์ มาในครั้งนี้ก็หวังว่านายศักดิ์สยามจะเข้ามาตรวจสอบการประมูลให้มีความเป็นธรรม