เมื่อวันที่ 10 ม.ค. พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า จากกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคงเตรียมการรับมือสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด19 สายพันธุ์โอมิครอนนั้น ในส่วนกองทัพบก พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก สั่งการให้หน่วยทหารของกองทัพบก เตรียมการทั้งด้านกำลังพล บุคลากรทางการแพทย์ สิ่งอุปกรณ์ อาคารสถานที่ เพื่อสนับสนุนการดูแลกำลังพลและประชาชน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์โรค โดยเฉพาะการเตรียมเวชภัณฑ์ สิ่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการดูแลผู้ติดเชื้อที่กองทัพบกมีอยู่ในขณะนี้ พร้อมกับให้ทบทวนการปฏิบัติเพื่อให้สามารถเข้าสนับสนุนทุกภาคส่วนได้ทันที ในส่วนของการรักษาพยาบาล ขณะนี้กองทัพบกเปิดโรงพยาบาลสนามสนับสนุนรัฐบาล 9 แห่ง รองรับผู้ป่วย 2,261 เตียง ปัจจุบันมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษา 69 เตียง กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ได้แก่ มณฑลทหารบกที่ 11 เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร, ศูนย์การทหารราบ จ.ประจวบคีรีขันธ์, กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 16 อ.เมือง จ.ยโสธร, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีษะเกษ, กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 5 อ.นาทวี จ.สงขลา, กรมสนับสนุนกองพลทหารราบที่ 15 อ.เทพา จ.สงขลา, กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 อ.คลองท่อม จ.กระบี่, กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 5 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 5 อ.เมือง จ.สงขลา และกองพันเสนารักษ์ที่ 5 อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยเฉพาะที่ มณฑลทหารบกที่ 11 ซึ่งได้เปิดเป็น”โรงพยาบาลสนามศูนย์คัดกรองของกองทัพบก” สนับสนุนการตรวจคัดกรองเชิงรุกและการรักษาผู้ป่วยระดับสีเหลืองและสีแดง ทั้งนี้กองทัพบกพร้อมที่จะจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติมได้ตามความจำเป็นและตามสถานการณ์ของโรค
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ โรงพยาบาลค่ายในสังกัดกองทัพบก 37 แห่ง ปัจจุบันยังคงให้บริการด้านการแพทย์ การตรวจคัดกรอง ดูแลรักษาประชาชนและกำลังพล การฉีดวัคซีนป้องกันโรค และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนโรงพยาบาลสาธารณสุขประจำพื้นที่ ในการรักษาและดูแลผู้ติดเชื้อตามการร้องขอ ส่วนการจัดยานพาหนะและเจ้าหน้าที่ในการเคลื่อนย้าย ลำเลียง หรือการรับส่งผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อนั้น กองทัพบกยังคงภารกิจดังกล่าวในพื้นที่ต่างๆ ตามที่ได้รับการประสานร้องขอ รวมทั้งการอนุเคราะห์จัดพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 โดยฌาปนสถานของกองทัพบก เพื่อช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิต
สำหรับในพื้นที่ชายแดน ผู้บัญชาการทหารบกสั่งการให้กองกำลังป้องกันชายแดน เข้มงวดในมาตรการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายโดยไม่ผ่านการคัดกรอง โดยใช้การเฝ้าตรวจด้วยกำลังพล และเครื่องมือพิเศษ ภายใต้การป้องกันตนเองในขณะปฏิบัติหน้าที่ ส่วนในพื้นที่ตอนใน กองทัพบกได้จัดกำลังสนับสนุน ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ในการตรวจสถานประกอบการให้ดำเนินกิจการตามมาตรการที่ศบค.กำหนด ส่วนการเตรียมรับมือกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน กองทัพบกได้ออกมาตรการกำชับให้กำลังพล และครอบครัว ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด หน่วยทหารจัดให้มีการตรวจคัดกรองก่อนเข้าปฏิบัติงาน การตรวจตามวงรอบ และการตรวจหาเชื้อเชิงรุก ควบคู่ไปกับการให้ความรู้และรณรงค์เข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อลดการแพร่ระบาดและความรุนแรงของโรค เพื่อดำรงความพร้อมปฏิบัติหน้าที่ในทุกภารกิจและเข้าช่วยเหลือประชาชน