กระทรวงคลังออกประกาศผลการกู้เงินให้กทม.และรฟม.กู้ต่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว

ประกาศกระทรวงคลัง รายงานความเคลื่อนไหวผลการกู้เงินให้ทั้งรฟม.และกทม.กู้ต่อ ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว

เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 64  ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศกระทรวงการคลัง 2 ฉบับ เกี่ยวกับ  ผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ครั้งที่ 1

ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ กรณี กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อให้กู้ต่อแก่ รฟม. สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต -สะพานใหม่ -คูคต วงเงิน  6.47 พันล้านบาท

ส่วนฉบับที่สอง ผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อให้กู้ต่อแก่กรุงเทพมหานคร สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ จำนวน  465.43  ล้านบาท

ฉบับแรก มีรายละเอียดดังนี้   เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา 16 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 มาตรา 14 มาตรา 20 (3) และมาตรา 24 (1) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ การบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Note : PN) กับสถาบันการเงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้

1. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อให้กู้ต่อแก่ รฟม.สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต -สะพานใหม่ -คูคต วงเงิน 6,470,000,000.00 บาท

2. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ 22  มีนาคม  2564

3. อายุเงินกู้ 4 ปี นับตั้งแต่วันที่ 22  มีนาคม 2564 ครบกำหนดในวันที่ 22 มีนาคม 2568

4. อัตราดอกเบี้ย

4.1 อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกส่วนต่างร้อยละ 0.05000 (ศูนย์จุดศูนย์ห้าศูนย์ศูนย์ศูนย์) ต่อปี

4.2 อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ 6 เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

4.3 การปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด 6 เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลงโดยอัตราดอกเบี้ยงวดแรกจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ณ วันเบิกเงินกู้ ส าหรับการใช้อัตราดอกเบี้ย ในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ณ วันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ย ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนถัดไป

การคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี 365 วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ 22 กันยายน 2564 และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ 22 มีนาคม 2568

5. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ 22 มีนาคม และ 22 กันยายน ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน

หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระต้นเงินกู้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้

6. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระเงินคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น

ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืน ดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังช าระคืนต้นเงินกู้ก่อนก าหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป

7. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ

 

 

ฉบับที่สอง  เป็นรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อให้กู้ต่อแก่กรุงเทพมหานคร ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ครั้งที่ 1

เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา 16 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 มาตรา 14 มาตรา 20 (3) และมาตรา 24 (1) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ การบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ เพื่อให้กู้ต่อแก่กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Note : PN) กับสถาบันการเงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้

1. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อให้กู้ต่อแก่ กทม. สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ จำนวน  465,431,156.63  บาท

2. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ 22 มีนาคม  2564

3. อายุเงินกู้ 3 ปี 9 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2564 ครบกำหนดในวันที่ 22 ธันวาคม 2567

4. อัตราดอกเบี้ย

4.1 อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกส่วนต่างร้อยละ 0.15000 (ศูนย์จุดหนึ่งห้าศูนย์ศูนย์ศูนย์) ต่อปี
4.2 อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ 6 เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
4.3 การปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด 6 เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง โดยอัตราดอกเบี้ยงวดแรกจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ณ วันเบิกเงินกู้ สำหรับการใช้อัตราดอกเบี้ย ในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ณ วันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ย ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนถัดไป

การคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี 365 วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ 22 มิถุนายน 2564 และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ 22 ธันวาคม 2567

5. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ 22 มิถุนายน และ 22 ธันวาคม ของทุกปี

สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป

โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระต้นเงินกู้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้

6. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า2 วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระเงินคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น

ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืน ดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป

7. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"นายกฯอิ๊งค์" ยิ้มแย้ม เข้าทำเนียบ ร่วมประชุม คกก.จัดงานเฉลิมพระเกียรติ ในฐานะรมว.วธ.
"ทอ.กองบิน 46 พิษณุโลก" เตรียมเรียกกำลังสำรอง ฝึกช่วยเหลือบรรเทาสาธารณะภัย ในการช่วยเหลือปชช.
ทรัมป์ลั่นจะเก็บภาษีปท.ที่เข้าข้าง”บริกส์”เพิ่มอีก 10%
"กปน." ยันอุบัติเหตุงานก่อสร้างถังเก็บน้ำใส สถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี ไม่กระทบโครงสร้างอาคาร เร่งดูแล ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
"หมอวรงค์" ถาม "อ.พนัส" ไม่รู้จริงหรือ "นายกฯอิ๊งค์" คุย "ฮุน เซน" นินทา มท.ภ.2 ผิดจริยธรรมข้อไหน
"ดร.สามารถ" ทวงแรง "โครงการแลนด์บริดจ์" คืบหน้าถึงไหนแล้ว รัฐบาลประกาศจะเปิดประมูลปลายปี 68
วันนี้ "หมอตุลย์" นัดยื่นหนังสือ "ผบ.ตร." ค้านเลื่อนขั้น 2 แพทย์ใหญ่ โดนแพทยสภาชี้ผิดจริยธรรม เอื้อ"ทักษิณ" นอนชั้น 14
"เครือข่ายกัญชา" บุก สธ.วันนี้ เตรียมปักหลักค้าง เปิดเวทีอภิปราย "สมศักดิ์" ปมสมุนไพรควบคุม
ประชุมนัดแรกวันนี้ "บช.ก." เดินหน้าสอบคำร้อง "สมชาย" พร้อมคณะ เอาผิด "นายกฯอิ๊งค์" ปมคลิปเจรจา "ฮุน เซน"กระทบความมั่นคงรัฐ
"กรมอุตุฯ" เตือน ฝนตกหนัก เช็ก 39 จว.อ่วม เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.ก็โดนด้วย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น