วันนี้(24 พ.ค.) นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ได้เข้าหารือ ร่วมกับผู้บริหารบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ เคที ถึงแนวทางการแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่สำนักงานใหญ่กรุงเทพธนาคม
นายสุรพงษ์ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า วันนี้ทางเคที ได้นัดหารือถึงเรื่องปัญหาหนี้สินของบีทีเอสซีที่เกิดขึ้นจากการให้บริการเดินรถไฟฟ้าในส่วนต่อขยายมามากกว่า 4 ปี และขณะนี้ ยังไม่ได้รับค่าบริหารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว มูลค่ารวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท
โดยนายสุรพงษ์ กล่าวว่า ทางกรุงเทพธนาคม ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเกี่ยวกับภาระหนี้ที่เกิดขึ้น ได้มีการติดตามทวงถามความคืบหน้าการชำระหนี้ดังกล่าวไปยังสภากรุงเทพมหานคร และทางด้านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ได้ทำหนังสือไปยังรัฐบาล เพื่อขอให้รัฐบาลให้การช่วยเหลือ ล่าสุดในการประชุมสภากทม. ได้มีมติออกมา 3 แนวทาง คือ 1. ให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ 2. ใช้วิธีการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลและเอกชน และ 3. ส่งโครงการดังกล่าวกลับคืนให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) เป็นผู้ดูแล
นายสุรพงษ์ ยืนยันว่า บีทีเอสซีไม่ได้เป็นห่วงในเรื่องสัมปทานว่าจะมีการต่อสัมปทานหรือไม่ แต่เป็นห่วงในเรื่องภาระหนี้ที่เกิดขึ้น เพราะยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 3 หมื่นล้านบาท อีกทั้งด้วยยอดหนี้ที่อยู่ในระดับสูง และบีทีเอส เป็นบริษัทมหาชน จึงจำเป็นจะต้องมีคำตอบเรื่องปัญหาหนี้ให้แก้ผู้ถือหุ้นที่มีกว่า 1 แสนราย
ขณะที่ ทางเคที เข้าใจกับภาระหนี้ที่เกิดขึ้น และกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ใช้บริการอยู่ในขณะนี้ จึงเชิญบริษัทมาร่วมหารือถึงแนวทาง ในการดำเนินการในช่วงที่ยังไม่ได้ข้อยุติเกี่ยวกับภาระหนี้ โดยทางเคที และกทม. ต้องการให้มีการเดินรถอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับแนวทางที่ได้มีการหารือในเบื้องต้นที่บีทีเอสซียังไม่ได้รับค่าจ้าง ทางเคทีได้ระบุถึงทางออกของการแก้ปัญหาด้วยการลดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น อาทิ จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะลดเที่ยววิ่งลง เพื่อลดค่าใช้จ่าย และจะเป็นไปได้หรือไม่ ที่ทางเคที และกทม. จะจัดเก็บค่าโดยสารในส่วนต่อขยาย เพื่อนำมาชดใช้เงินค้างชำระต่อบีทีเอสซี ซึ่งในส่วนของรายละเอียดจะจัดเก็บจะคิดอัตราเท่าไหร่ให้ทั้งสองฝ่ายไปหารือถึงข้อดีข้อเสีย เพื่อนำมาหารือร่วมกันอีกครั้งในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า วันนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับภาระหนี้ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงการหารือแนวทางลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน
ส่วนภาระหนี้ที่ทางบีทีเอสซีแบกรับอยู่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งหนี้เก่าและหนี้ใหม่ ทางด้านบีทีเอสซีอาจจะต้องมีการกู้เงิน หรือ ขอเงินจากบีทีเอส กรุ๊ปฯ มาบริหารจัดการ เพื่อให้การเดินรถยังสามารถดำเนินการต่อไปได้
ส่วนการฟ้องร้องเกี่ยวภาระหนี้ที่เกิดขึ้น บริษัทก็ได้มีการเตรียมไว้ หากไม่มีข้อยุติและแนวทางที่ชัดเจนก็จะต้องพึ่งศาลในการตัดสิน เนื่องจากบีทีเอสฯ เป็นบริษัทมหาชน