หลังจาก ศบค. ตรวจพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากภายในแคมป์คนงานหลักสี่ และพบอีก 15 ราย ซึ่งมีผลยืนยันเป็นเชื้อสายพันธุ์อินเดีย B1.617.2 ได้สั่งให้ผู้ป่วยทั้งหมดเข้ารับการรักษาใน รพ. และทีมสอบสวนโรคเข้าดำเนินงานทันที อีกทั้งได้มีการประกาศไม่ให้เคลื่อนย้ายแรงงานออกไปจากพื้นที่ ขณะที่บรรยากาศภายในแคมป์คนงานหลักสี่ ได้มีการติดประกาศไม่ให้บุคคลเข้าออกจากพื้นที่ และยังมีผู้ที่ต้องกักตัวเหลืออยู่ในแคมป์คนงานประมาณ 150 คน ซึ่งทางสำนักงานเขตหลักสี่คอยประสานกับคนงานที่อยู่ข้างในตลอด 24 ชม. โดยจัดชุด รปภ.เฝ้าอยู่หย้าทางเข้ากะเวรละ 2 คน หากผู้ใดมีอาการเบื้องต้นของการติดเชื้อโควิค-19 จะมีรถพยาบาลฉุกเฉินมารับก่อนจะนำส่ง รพ.สนามสระบุรี และ รพ.สนามฉะเชิงเทรา ขณะที่บริษัทอิตาเลียนไทย ได้จัดรถกระบะคอยขนผู้ที่กักตัวครบ 14 วัน ออกจากแคมป์คนงานไปยังสถานที่กักตัวแห่งใหม่ของทางบริษัทที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ อยู่ภายในไซต์ก่อสร้างของบริษัทอิตาเลียนไทย ที่อยู่ใกล้กับแคมป์คนงานไม่ไกลมากนัก เพื่อระบายความแออัด และคัดกรองผู้ที่กักตัวไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดไปมากกว่านี้ ซึ่งให้มาอยู่ในการดูแลของบริษัทอีกด้วย
ด้าน นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ได้เผยกับทีมข่าว TopNews ขณะลงพื้นที่ว่า วันนี้ตนได้ลงพื้นที่ต่างๆที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ให้เข้ามาช่วยดูแลและประสานงานให้กับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะแคมป์คนงานหลักสี่ของ บริษัทอิตาเลียนไทย ที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นจำนวนมาก ต้องเร่งวางมาตรการป้องกันและระบายความแออัดภายในแคมป์คนงาน ไม่ให้แพร่กระจายไปมากกว่านี้ ซึ่งตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้เข้ามาช่วยเหลือดูแลเป็นที่เรียบร้อย อาจจะมีบางจุดที่อยู่บริเวณรอบแคมป์คนงานได้รับผลกระทบ
ส่วนกระแสข่าวที่ว่าพบเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์อินเดีย หลังจากนี้ถ้ารัฐสภาเปิดทำการมีการประชุมเมื่อไรก็จะมีการดำเนินการตรวจสอบทันที การที่แคมป์คนงานเปิดมา 2 ปีกว่า ห้ามแรงงานเข้าออกในช่วงโควิดแพร่ระบาดมาตลอด แต่กลับพบเชื้อสายพันธุ์อินเดียเมื่อสองเดือนที่แล้ว จะต้องมีการลักลอบขนแรงงานต่างชาติเข้ามาในประเทศ ซึ่งมีความผิดทางแพ่งและอาญา ตอนนี้ต้องพึ่งกรมควบคุมโรคติดต่อลงมาสอบสวนโรคหาหลักฐานให้ได้ว่ามีการลับลอบเข้ามาจริงหรือไม่ต้องหาคนรับผิดชอบ
นายสิระ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวอีกว่า ศบค. ได้จัดตัวยาวัคซีนนำมาแจกจ่ายให้กับชาวหลักสี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างแจกจ่ายไปยังสถานที่หน่วยงานจุดฉีดต่างๆตามแหล่งชุมชน ให้ประชาชนได้เข้าถึงเพื่อรับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด หากชาวหลักสี่ท่านใดเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีน ตนจะมอบเงินส่วนตัวให้คนละ 500,000 บาท เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนชาวหลักสี่