นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และอดีตแกนนำ กปปส. กล่าวในวันในครบ 7 ปี รัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ว่าระยะเวลา 7 ปีจนถึงวันนี้ต้องช่วยกันทบทวน โดยเฉพาะการออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ของ คสช.วันนั้นการควบคุมอำนาจการปกครองประเทศว่ามีความรุนแรงในกรุงเทพ และหลายจังหวัด คสช.ต้องเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศเพื่อบรรลุกการปฏิรูปโครงสร้างการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม และด้านอื่นๆให้ประเทศก้าวไปในทางที่ถูก 7 ปีแล้วคำประกาศนี้ แต่ 7 ปีการเข้าสู่อำนาจ และบรรลุคำสัญญาหรือไม่
นายวิทยา กล่าวต่อว่า การปฏิรูปการเมือง การเลือกตั้งในทุกระดับวันนี้กลายเป็นการเลือกตั้งทีมีความรุนแรงหนักยิ่งๆขึ้น หนักยิ่งกว่ายุคใดๆการเข้าสู่การเมืองกลายเป็นการควบรวมพลพรรคเพื่อเอาชนะเข้ามาร่วมกันเป็นรัฐบาล ไม่เคยคำนึงถึงที่ไปที่มาของบุคคลเหล่านั้น การปฏิรูปโครงสร้างทางการเมืองล้มเหลว การปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคมรุดหน้าหรือไม่ แต่ยอมรับว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมีความคืบหน้า แต่สิ่งสำคัญคือการปฏิรูปทางวัฒนธรรมทางการเมืองเสียหายหมด รวมไปถึงการทุจริจคอร์รัปชัน ดีใจที่เห็นการยกระดับการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ แม้จะช้าไปแต่ก็ดีกว่าไม่ทำ
อดีตแกนนำ กปปส. กล่าวด้วยว่าหากจะเปลี่ยนม้ากลางศึกในระหว่างวิกฤตการณ์โรคโควิด19 ระบาดอย่างรุนแรงคงยาก เพราะไม่มีใครอยากให้นายกรัฐมนตรีที่นั่งอยู่ท่ามกลางผู้รู้ในเรื่องโควิด19เป็นอย่างดี เป็นเวลา 1 ปีเต็ม ไม่เชื่อว่ามีนักการเมืองคนไหนรู้ดีเรื่องนี้ดีกว่านายกรัฐมนตรี ดังนั้นนายกรัฐมนตรีต้องมีภารกิจในการนำประเทศพ้นวิกฤตการณ์นี้โดยเร็วที่สุด แต่ต้องไม่ลืมการปฏิรูปประเทศที่ยังไม่เกิดขึ้นแม้สักด้านเดียว ความขัดแย้งยังอยู่ในสังคม มีการศึกษาแต่ไม่คืบหน้าในทางปฏิบัติเลย