เมื่อวันที่ 22 พ.ค. นายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ โฆษกสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยถึงแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตน ว่า นายกรัฐมนตรีได้เล็งเห็นถึงกลุ่มผู้ประกันตน กลุ่มคนที่ออกไปทำงานนอกบ้าน ว่าเป็นผู้มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อค่อนข้างสูง อาจทำให้กลุ่มคนเหล่านี้นำเชื้อไปสัมผัสกับญาติเวลากลับบ้าน จึงได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานเร่งตรวจสอบฐานข้อมูลของกลุ่มผู้ประกันตนตามสถานประกอบการต่าง ๆ พบผู้ประกันตนจำนวนประมาณ 6 ล้านคน มีผู้ประกันตนประมาณร้อยละ 80 ขณะนี้มีโรงพยาบาลเอกชนกว่า 80 แห่งทั่วประเทศยินดีให้ความช่วยเหลือในการฉีดวัคซีน ซึ่งในเดือนมิ.ย. ที่มีวัคซีนเข้ามาเพิ่มอีกจำนวน 1.5 ล้านโดส ได้วางแผนเตรียมการฉีดวัคซีนสำหรับผู้ประกันตนที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯที่ลงทะเบียนเข้ามาแล้ว จำนวนประมาณ 2 ล้านคน และอาจมีเพิ่มเติมอีก
นายนันทชัย กล่าวว่า โดยผู้ประกันตนสามารถแจ้งความจำนงให้ผู้ประกอบการส่งรายชื่อผู้ประกันตนเข้ามาที่สำนักงานประกันสังคม ในเบื้องต้นผู้ประกอบการใดที่แจ้งเข้ามาก่อนจะได้สิทธิก่อน โดยจะทยอยดำเนินการในเดือน มิ.ย. – ก.ค.นี้ โดยให้สำนักงานประกันสังคมในเขตพื้นที่กรุงเทพฯจำนวน 12 เขต ประสานหน่วยงานในท้องที่ทั้งในส่วนราชการ โรงพยาบาลเอกชน ในการจัดพื้นที่ในการฉีดวัคซีน เช่น ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา ที่ใกล้เคียงกับสถานประกอบการ ซึ่งขณะนี้มีการเตรียมความพร้อมและวางแผนอย่างชัดเจน โดยรมว.แรงงานได้จัดตั้งคณะทำงานจำนวน 6 ชุดเพื่อดำเนินการตามแผนการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้ประกันตนแล้ว
นายนันทชัย กล่าวต่อว่า ส่วนการเยียวยาลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมและโดนเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม เนื่องจากนายจ้างมีความจำเป็นต้องหยุดกิจการ หรือลดคนงานนั้น นายจ้างจะต้องแจ้งประกันสังคมก่อนเลิกจ้าง เพื่อให้ประกันสังคมจ่ายเงินว่างงานแก่ลูกจ้างที่โดนเลิกจ้างหรือลาออก ทั้งนี้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เพิ่มสิทธิประโยชน์จากเดิมร้อยละ 50 ของเงินเดือน เป็นร้อยละ 70 ของเงินเดือน ภายในระยะเวลา200 วัน โดยร่วมกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ดูแลผู้ประกันตน หากลูกจ้างเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเลิกจ้าง