วันที่ 21 พ.ค. –นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส กล่าวถึงการยกร่างประกาศกระทรวงดีอีเอส ในการกำกับดูแลการใช้โซเชียลมีเดีย ว่า หลักการก็คือให้ผู้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ช่วยกำกับดูแลและควบคุมเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายไทย และกฎหมายอื่นๆ เช่น กฎหมายความมั่นคง, การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์, การค้าออนไลน์
นายชัยวุฒิกล่าวว่า ที่ผ่านมาพบการกระทำผิดกฎหมายไทยผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ได้ประสานไปยังเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ให้กำกับดูแล แต่พบว่าให้ความร่วมมือบางส่วน ดังนั้นการติดตามผู้โพสต์ข้อมูลที่ผิดกฎหมายไทย ต้องทำได้ โดยยอมรับว่าการโพสต์ข้อความเป็นสิทธิเสรีภาพ แต่เมื่อกระทำผิดกฎหมายต้องติดตามมาดำเนินคดีได้ แม้จะอยู่ต่างประเทศก็ตาม
นายชัยวุฒิกล่าวอีกว่า ปัญหาสำคัญ เช่น มีข่าวบิดเบือน เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติทำไมปิดกั้นไม่ได้ แต่อำนาจกระทรวง สั่งปิด ขอคำสั่งศาลเพื่อปิดกั้นเว็ปไซต์ หรือ ยูอาร์แอล แต่พบว่าทางเพจเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ไม่ได้ปิดให้ ทั้งนี้พบกรณีที่ขอให้ปิดประมาณ 1.2 หมื่นกรณี แต่พบการปิดเพียง 5,000 กรณี ซึ่งทางกระทรวงได้ดำเนินการฟ้องร้องให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลกว่า 400 คดี ดังนั้นต้องแก้ไขกฎหมายไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถควบคุมการใช้โซเชียลมีเดียในประเทศได้ หากปล่อยไปจะเป็นภัยต่อความมั่นคงและประชาชนได้
นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า การปรับปรุงประกาศของกระทรวงนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำชับให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน ซึ่งหลังจากยกร่างแล้ว ต้องสอบถามประชาชนด้วยว่าจะกระทบต่อสิทธิ เสรีภาพของประชาชนหรือไม่ ทั้งนี้ต้องทำกฎหมายให้เข้มแข็งและคนเคารพ รวมถึงบังคับใช้ให้ได้ โดยตนยอมรับว่าการใช้โซเชียลที่ผิดกฎหมาย เช่น พบการค้าประเวณี, บ่อนการพนัน มีผลกระทบกับประชาชนหลายมิติ ถึงเวลาที่ต้องพูดคุย เพื่อไม่ให้ทำลายสังคมไทยต่อไป