“ตาอิน-ตานา” มาแรง ระวัง”ตาอยู่” คว้าพุงปลาไปกิน

ชัชชาติเฉยไม่ไหวหลังดร.เอ้มาแรงแม้จะหลุดโป๊ะแตกหลานไอน์สไตน์ ล่าสุดออกจากถ้ำไปบางขุนเทียนเปิดตัวดร.พิจิตตเสริมทีม อัศวินยังอุบไต๋ประกาศลงสมัคร แม้กระแสไม่แรงแต่ฐานมวลชนแน่น ชาวบ้านพอใจ มีฐานคะแนนจัดตั้ง หนำซ้ำอาจติดปีกถ้า "ลุงป้อม-บิ๊กตู่" หนุนหลัง จับตาผู้ว่าฯกทม. จุดเปลี่ยน ตัวแปร เงื่อนไข ยังมีอีกมาก โดยเฉพาะกลุ่มหน้าใหม่ที่จะได้เลือกตั้ง

เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ยังไม่ชัดว่าจะเลือกกันเมื่อไหร่ แต่ล่าสุดทุกพรรคต่างออกมาเรียกร้องให้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เลิกกั๊กและขอให้จัดการเลือกตั้งพ่อเมืองกรุงเทพฯได้แล้ว หลังใช้ ม.44 ปลด “คุณชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ออกจากตำแหน่งเมื่อ 18 ต.ค.2559 และแต่งตั้ง “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯ กทม.ขึ้นมาขัดตาทัพและนั่งยาวมา 5 ปีกว่าแล้ว ล่าสุดพล.อ.ประยุทธ์ก็ออกมายอมรับเสียงอ่อยพร้อมจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ให้อย่างเร็วสุดกลางปีหน้าพ.ศ.2565 ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ในแต่ละพรรคและพวกที่จะลงในนามอิสระ ต่างทยอยออกมาเปิดตัวขายไอเดียให้คนกรุงกันอย่างคึกคัก

ที่ดูจะเปิดตัวคึกคักกว่าใครเพื่อนก็เห็นจะเป็น “ดร.เอ้”สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อายุ 49 ปี อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่ล่าสุดเปิดตัวเป็นผู้สมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วแบบยิ่งใหญ่อลังการชนิดเป็นทางการก่อนใครเพื่อน แม้จะคุยโวเรื่องประวัติเกินเบอร์ไปหน่อย จนหลุดโป๊ะแตกเรื่องศิษย์หลานคนเดียวของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ในประเทศไทย เลยทำให้พังก่อนปัง ทั้งๆที่เปิดตัวสวยสดเกือบจะดีหมดทุกหยดแล้วแต่มาพลาดลื่นนิดเดียวในเรื่องนี้ ทั้งๆที่เรื่องของคุณวุฒิวัยวุฒิ ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์เรียกว่าครบเครื่องต้มยำ แถมได้มีพรรคสีฟ้าเป็นแบ็กอัพหนุน เล่นการเมืองครั้งแรกเลยมีลุ้นนั่งผู้ว่าฯเสาชิงช้าเลย แต่ก็มีจุดอ่อนให้ต้องระวังในเรื่องของการพูด ที่ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ทุกระดับโดนโจมตีเรื่อง “ดีแต่พูด” มาตลอด รวมถึงต้องพลิกวิกฤติฝ่ากระแสขาลงของพรรคในกรุงเทพให้ได้ ที่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่แล้วสูญพันธุ์ไม่ได้ผู้แทนแม้แต่คนเดียว ตรงนี้เป็นภาระหนักอึ้งของสุชัชวีร์ที่จะต้องมาสวมบา “เดอะแบก” พรรคประชาธิปัตย์

ขณะที่ตัวเก็งเต็งหามของสนามกรุงเทพฯมหานคร ต้องบอกว่าชื่อของ “เสี่ยทริป” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตราชรภ 1 ยุคยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลการสำรวจจากนิด้าโพลล์ 8 ครั้งยังนำโด่ง เช่นเดียวกับผลความนิยมจากซุปเปอร์โพลล์และสวนดุสิตโพลล์ ด้วยความที่เป็นนักการเมืองภาพลักษณ์ดี เป็นที่รู้จักมีฐานกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงานชอบพอ บวกกับฐานคะแนนพรรคเพื่อไทย และการเปิดตัวชัดว่าจะลงผู้ว่าฯกทม.ก่อนผู้สมัครคนอื่นๆ แถมทำการบ้านเดินลงพื้นที่พบปะชาวบ้านมาเกือบ 2 ปีแล้ว งานนี้จึงทำให้คะแนนของชัชชาตินำที่หนึ่งมาตลอด ล่าสุดอยู่เฉยไม่ไหวเพราะสุชัชวีร์เปิดตัวเรงเหลือเกิน จึงออกมาเปิดตัว “ดร.โจ” พิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯกทม.เป็นทีมงาน ระหว่างลงพื้นที่ดูปัญหาชาวบ้านที่บางขุนเทียน ที่ผ่านมาผลโพลล์ทุกครั้งทุกสำนักก็นำโด่งมายาวนาน ต้องรอลุ้นว่าถึงเวลาเลือกตั้งจริงคะแนนโพลล์กับคะแนนจริงของชัชชาติจะตรงกันไหมหรือดังแต่ท่อล้อไม่หมุน อย่าลืมว่าฐานคะแนนของชัชชาติจริงๆก็มาจากพรรคเพื่อไทย เพราะฉะนั้นจึงเป็นกลุ่มเดียวกับพรรคก้าวไกลและรวมถึงพรรคน้องใหม่ อย่างพรรคไทยสร้างไทยของ “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่แตกออกจากร่มเงาของทักษิณมาตั้งพรรคของตัวเอง เพราะฉะนั้นโอกาสที่ชัชชาติจะโดนตัดแต้มกันเองกับพรรคฝ่ายเดียวกันจึงมีสูงยิ่ง โดยเฉพาะหากพรรคก้าวไกลกับพรรคไทยสร้างไทยส่งคนของตัวเองลงเลือกตั้ง นอกจากนี้กรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่าจะไม่ส่งคนลงสมัครผู้ว่าฯกทม.และพร้อมเทคะแนนให้ชัชชาติ อย่าคิดว่าจะทำให้คะแนนพุ่งๆ เผลออาจเป็นตรงข้ามเพราะอาจทำให้คนรักชาติรักสถาบันเกลียดทักษิณยี้พรรคเพื่อไทยตัดใจกาชัชชาติทิ้งเอาได้ง่ายๆ

การชิงชัยผู้ว่าฯกทม.ตอนนี้ แม้จะมี “ตาอิน” อย่างชัชชาติ กับ “ตานา”อย่างสุชัชวีร์ เปิดตัวมาให้คนกรุงเทพฯได้ยลโฉมกันแล้ว แต่ก็ห้ามประมาท “ตาอยู่” อย่างพล.ต.อ.อัศวิน เจ้าของเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.คนปัจจุบัน ที่ค่อยๆมาแบบเรื่อยๆ เหมือนรถกระบะดีเซล แต่ถ้าไปดูผลโพลล์และองค์ประกอบอื่นจริงๆ ก็เรียกว่าไม่ธรรมดา ชนิดที่ชัชชาติรวมถึงสุชัชวีร์ก็ไม่อาจประมาทได้ ผลโพลล์หลายครั้งที่ผ่านมาพล.ต.อ.อัศวินมีคะแนนเป็นรองแค่ชัชชาติแต่มีคะแนนเหนือกว่าสุชัชวีร์อยู่มากโข นี้ขนาดเจ้าตัวยังไม่ประกาศลงชิงชัยเสาชิงช้าอย่างเป็นทางการ แต่ผลโพลล์ของพล.ต.อ.อัศวินไม่ได้ขี้เหร่เลย ที่สำคัญหากพรรคพลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ส่งคนลงสมัครและเทแต้มมาให้พล.ต.อ.อัศวิน บวกกับที่เป็นม้าใช้มือทำงานของพล.อ.ประยุทธ์มาตลอด ถึงขนาดมีข่าวว่าที่ “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. ถอนตัวลงสมัครผู้ว่าฯกทม.เพราะมีใบสั่งจากผู้ใหญ่เปิดทางให้พล.ต.อ.อัศวินได้ไปต่อ แค่นี้ก็ถึงบางอ้อแล้วว่าพล.ต.อ.อัศวินมีใครหนุนหลังอยู่ ที่สำคัญอย่าลืมว่าพล.ต.อ.อัศวินเป็นผู้ว่าฯกรุงเทพฯมา 5 ปีเศษ รู้เส้นสนกลในเส้นทางอำนาจในกทม.เป็นอย่างดี มีทีมงานจัดตั้งมีอดีตส.ก.,ส.ข.อยู่ในมือจำนวนมาก ผลงานหลายเรื่องก็เป็นที่ประจักษ์ของชาวบ้าน ช่วงโควิด-19 ในรอบ 1-2 ปีที่ผ่านมาก็ทำคะแนนดูแลชาวบ้านแจกของให้ชุมชนใน 50 เขตกทม.มากโขอยู่ ตรงนี้เลยมีฐานคนหาเช้ากินค่ำคนชั้นล่างในกรุงเทพฯไม่น้อย เมื่อรวมกับพลังภายในของ “ลุงป้อม-บิ๊กตู่” ถ้าเทมาให้พล.ต.อ.อัศวินจริงๆ เผลอๆคะแนนจริงอาจจะดีกว่าชัชชาติก็เป็นได้ อย่าลืมว่าการเลือกตั้งทั่วไปคราวที่แล้วในกรุงเทพฯ มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 4,498,109 คน แบ่งการเลือกตั้งออกเป็น 30 เขต พรรคพลังประชารัฐคว้าส.ส.ไป 12 คน ได้ 791,893 คะแนน พรรคก้าวไกลมีส.ส. 9 คน ได้ 804,272 คะแนน พรรคเพื่อไทยมีส.ส. 9 คน ได้ 604,699 คะแนน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์แม้ไม่ได้ส.ส.ไปแม้แต่คนเดียวแต่ก็มีคะแนนตกน้ำสูงถึง 474,820 คะแนน

เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ยังมีเวลาอีกระยะ แต่เมืองหลวงก็ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นสนามปราบเซียน ย้อนอดีตกลับไปดูการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.9 ครั้งหลังสุด ตั้งแต่ 14 พ.ย.2528 ถึง 3 มี.ค.2556 ปรากฎว่ามีแค่ 2 ครั้งที่ผู้สมัครในนามอิสระชนะการเลือกตั้ง ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ( สมัครในนามอิสระกลุ่มรวมพลัง 14 พ.ย. 2528 ) , พล.ต.จำลอง (พรรคพลังธรรม 7 ม.ค.2533) , ร.อ.กฤษฎา อรุณวงษ์ ณ อยุธยา ( พรรคพลังธรรม 19 เม.ย. 2535) , พิจิตต ( สมัครในนามอิสระกลุ่มมดงาน 3 มิ.ย.2539), สมัคร สุนทรเวช (พรรคประชากรไทย 23 ก.ค. 2543), อภิรักษ์ โกษะโยธิน (พรรคประชาธิปัตย์ 2 สมัย 30 ส.ค.2547-5 ต.ค.2551), ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ (พรรคประชาธิปัตย์ 2 สมัย 11 ม.ค.2552- 3 มี.ค.2556) เป็นที่รู้กันดีว่าคนกทม.เอาใจยาก และระหว่างทางก่อนถึงการหย่อนบัตรเลือกตั้งจริงๆก็มีตัวแปรมากมาย บางปีคนกทม.เลือกผู้ว่าฯคนละฝ่ายคนละข้างกับผู้นำประเทศกับรัฐบาล บางปีคะแนนก็มาสวิงช่วงโค้งสุดท้ายจากคำพูดจากการกระทำของหัวหน้าพรรคที่สนับสนุนหรือจากตัวผู้สมัครเอง บางปีก็มีเหตุการณ์เป็นจุดเปลี่ยนให้คนกรุงเลือกหรือไม่เลือกผู้สมัครคนนั้นๆ นอกจากนี้ต้องอ่านใจคนกรุงเทพที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใครที่ยังมีอีกมาก ขณะที่กลุ่ม 18 ปีที่จะได้เลือกตั้งครั้งแรก รวมถึงกลุ่ม New Voter ผู้ที่มีอายุระหว่าง 18-26 ซึ่งจะได้โอกาสเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งแรกนับตั้งแต่มีการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2556 เฉลี่ยแต่ละปีจะมีประมาณ 6-7 หมื่นคน บวกลบคูณหาร ถ้าเลือกตั้งกลางปีหน้าก็ 9 ปี อย่างน้อยจะมีพวกเปิดซิงก์หย่อนบัตรเลือกตั้งครั้งแรกกว่า 5 แสนคน อย่าคิดว่ามีแค่ ตาอิน ตานา และ ตาอยู่ ยังอาจมีตาที่มองไม่เห็นจากพรรคอื่นๆ อีก อาทิ พรรคก้าวไกล พรรคไทยสร้างไทย หนทางยังอีกไกล ตัวแปรยังมีอีกเพียบ จุดเปลี่ยนยังมีอีกมาก ยังมีเรื่องให้ต้องลุ้นกันอีกหลายช็อต
///////////////

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ดร.ปณิธาน" ชี้ทัพไทยส่งสัญญาณรบกัมพูชา เริ่มเอาจริงใช้กฎการปะทะ ยันจำเป็นสร้างรั้วกั้นชายแดน
ด่วน! "พลทหารอดิศร" พลาดเหยียบทุ่นระเบิดเขมรฝังซุก พื้นที่ปราสาทตาควาย ขาขวาขาด
เขตการศึกษาบุรีรัมย์ รุดเยียวยา นร.ชายแดน เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ ขณะที่ชาวบ้านพร้อมสู้ อยากให้ มทภ.2 จัดให้หนัก
"อสส." ออกคำสั่ง เดินหน้าอุทธรณ์ คดี "พล.ต.อ.สมยศ" กับพวก ร่วมทุจริต เอื้อ "บอส อยู่วิทยา" รอดผิด
มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ มอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุช้างป่าทำร้าย จังหวัดฉะเชิงเทรา
เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา จัดพิธีปิดโครงการ โคกหนองนา แห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์ รุ่นที่ 7/1

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​