อธิบดี สบส.เผย หมอเถื่อนคลินิก “พิมรี่พาย”ฉีดไปแล้ว 12 คน

สบส.พบ หมอเถื่อนคลินิกพิมรี่พาย ให้บริการลูกค้าไปแล้ว 12 ราย ตรวจสอบไม่พบการกระทำผิดอื่นๆ ชี้หากเจ้าของรู้เห็นต้องมีความผิดด้วย

จากกรณี น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือ พิมรี่พาย หุ้นส่วนอิสคิวท์คลินิกเวชกรรม สาขา ห้วยขวาง เข้าแจ้งความกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ว่าถูก น.ส.อาลินดา (สงวนนามสกุล) ใช้เอกสารใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์หญิงท่านอื่น มาสมัครเป็นแพทย์ผู้ให้บริการของคลินิก จนเป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายนั้น

ล่าสุด นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของกรณีดังกล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กองกฎหมาย สบส.ดำเนินการประสานขอข้อมูลกับพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. พร้อมลงพื้นที่ อิสคิวท์คลินิกเวชกรรม สาขาห้วยขวาง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันนี้ เบื้องต้นพบว่า คลินิกดังกล่าวมีการขึ้นทะเบียนและขออนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ตรวจสอบการดำเนินงานของคลินิกว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ พร้อมตรวจสอบเอกสารทางการแพทย์ เวชระเบียน และบันทึกถ้อยคำจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ทั้งนี้ พบว่า หมอเถื่อนรายดังกล่าวเริ่มให้บริการฉีดสารเสริมความงาม คือ ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ที่ อิสคิวท์คลินิกเวชกรรม สาขาห้วยขวาง ระหว่างวันที่ 12-14 ธ.ค. 64 โดยมีผู้รับบริการ 12 ราย ก่อนที่ทางคลินิกจะสืบทราบ ทำให้ผู้ต้องสงสัยหลบหนีไป

ในกรณีของหมอเถื่อนที่ลักลอบให้บริการในสถานพยาบาลนั้น นอกจากบทลงโทษตามกฎหมาย พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 กับหมอเถื่อนแล้ว หากพบว่าผู้ดำเนินการสถานพยาบาล มีส่วนรู้เห็นก็จะมีการดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐานปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ อธิบดี สบส.กล่าวว่า ยังพบความผิดในด้านอื่นๆ เช่น คลินิกมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ใช้สอยโดยไม่ได้รับอนุญาต การโฆษณาที่ผิดกฎหมาย และการไม่แจ้งรายชื่อของแพทย์ผู้ให้บริการกับผู้อนุญาต ซึ่งจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

การที่มีสถานพยาบาลปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นที่มิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพมาแอบสวมรอยให้บริการในสถานพยาบาลนั้น นอกจากจะมีบทลงโทษตามกฎหมายแล้ว ยังมีผลต่อชื่อเสียงของสถานพยาบาล จึงขอเน้นย้ำให้ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการสถานพยาบาล มีการคัดกรอง ตรวจสอบประวัติ และเอกสารหลักฐานในการรับสมัครผู้ให้บริการประจำสถานพยาบาลอย่างเข้มงวด โดยอาจจะต้องให้ผู้สมัครแสดงเอกสารฉบับจริงประกอบกับสำเนาในการสมัครงาน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดความเสียหายของสถานพยาบาลและผู้รับบริการ

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ครู-ครูบำนาญกว่า 300 ราย วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาหนี้สิน
ต่างชาติ กว่า 1,500 คน จาก "เคเคปาร์ค" หนีเข้าไทยต่อเนื่อง หลังตึกถูกระเบิดทิ้ง ห่างจากไทย 500 เมตร
"ผู้ว่าฯ ชัชชาติ" เผย กทม. ฝนตกหนักเกิน 100 มม. น้ำท่วมขังหลายพื้นที่ ระดับน้ำในคลองเพิ่มสูง เร่งพร่องน้ำต่อเนื่อง รับมือฝนตกซ้ำ
นปพ.น่าน รวบ “โก้ บ้านใหม่ดินแดน” พร้อมยาบ้า 300 เม็ด คาด่านห้วยน้ำอุ่น
ชลบุรี ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลลอยกระทง 2568
"นายกฯ" นำครม. ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง "ลอยกระทง ไท ไทย คารวาลัย พระแม่ของแผ่นดิน"

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​