คืบหน้าเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. วานนี้พรรคประชาธิปัตย์ อดีตแชมป์เก่าสนามกทม. เปิดตัว “ดร.เอ้” ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (อายุ 49 ปี ) อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เป็นผู้สมัครชิงผู้ว่าฯกทม. งานนี้จัดหนักจัดเต็มในเรื่องของการเปิดตัวครั้งแรกต่อสาธารณะ ที่ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ “เปลี่ยนกรุงเทพ -เราทำได้” ชูนโยบายคืนรอยยิ้มให้กับคนกรุงเทพ อาสาตัวแก้ปัญหาทุกมิติด้วยเทคโนโลยีและวิศวกรรม งานนี้ดร.เอ้ขายฝันจะเปลี่ยนกรุงเทพให้รอดพ้นจากน้ำท่วมเหมือนที่ทำสำเร็จมาแล้วกับสจล. เดินหน้าแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดเจ็ดชั่วโคตรของเมืองหลวงให้จงได้ ทำทางจักรยานลอยฟ้าใช้พื้นที่ใต้ดินทำประโยชน์ ขจัดมลพิษเปลี่ยนกรุงเทพให้เป็นเมืองอากาศบริสุทธิ์ไร้ฝุ่น PM 2.5 เอาความรู้ที่เคยทำงานเวิร์ดแบงค์ ผลักดันเศรษฐกิจกรุงเทพ ชูกรุงเทพฯเป็นเมืองทันสมัยเมืองดิจิตอล ผุดโรงเรียนสาธิตสอน 2 ภาษา 50 เขตในกทม. ทิ้งท้ายประกาศผลักดันกรุงเทพฯเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิก 2036
” ผมขอคนกรุงเทพฯให้โอกาสผู้ว่าฯที่มาจากวิศวกรที่มีคุณวุฒิ เป็นอาจารย์วิศวกรรมศาสตร์ และเป็นอดีตนายกสภาวิศวกร จะเปลี่ยนกรุงเทพฯให้รอดจากน้ำท่วม มีแก้มลิงใต้ดินบนดิน และริเริ่มป้องกันน้ำทะเลหนุนร่วมกับจังหวัดข้างเคียง มีระบบอินเทอร์เน็ตเตือนภัยประชาชน เช่น เตือนเรื่องน้ำท่วม รถติด มลพิษ ที่ผ่านมา ก็เห็นแล้วว่าน้ำท่วมสะพานซังฮี้ ไม่มีการเตือนภัยอะไรเลย ส่วนปัญหารถติดฆ่าอนาคตลูกหลานเราที่สุด เพราะเด็กขาดจินตนาการและมีแต่ความเครียด ผมเชื่อว่า เราเปลี่ยนได้ เหมือนกรุงโตเกียวที่มีประชากรมากกว่า กทม.หลายสิบเท่า เขายังทำได้ เราก็ต้องทำได้ดังนั้น ผมขอประกาศว่าจะทำ กทม.ให้เหมือนกรุงโตเกียว ” ดร.เอ้ระบุ
งานนี้ต้องบอกว่าเปิดตัวยิ่งใหญ่อลังการมากสำหรับดร.เอ้ และสปีชแรกที่ส่งไปถึงคนกรุงก็ตอบโจทย์ครบ ร่ายย่าววิสัยทัศน์ทุกเรื่องว่าจะทำอะไรเพื่อคนกรุงเทพฯบ้าง งานนี้พรรคสีฟ้าทุ่มสุดตัวเพราะหวังกับดร.เอ้ไว้สูงลิ่วว่าจะเป็น “อัศวินขี่ม้าขาว” ที่จะมากอบกู้วิกฤติศรัทธาของพรรค ฉุดขาลงของพรรคขึ้นมาให้ได้ โดยเฉพาะกับสนามเลือกตั้งกทม. อย่าลืมว่าการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.2563 ในสนามกทม. 30 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ส.ส.แม้แต่คนเดียว เรียกว่าสูญพันธ์ทางการเมืองในสนามกทม. มีคะแนนตกน้ำในกรุงเทพฯ 474,836 คะแนน รอบนี้คนประชาธิปัตย์หวังกับดร.เอ้มาก ตั้งเป้าว่าจะให้เป็นผู้ว่าฯกทม.ตามรอย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร, อภิรักษ์ โกษะโยธิน, พิจิตต รัตกุล ฯลฯ และหวังให้ยุคทองของพรรคประชาธิปัตย์กลับมาอีกครั้ง เที่ยวนี้จึงคัดตัวเลือกระดับพรีเมี่ยมที่พรรคลงทุนเกลี่ยกล่อมทาบทามมาให้คนกรุงเทพฯพิจารณา เป็นระดับหัวกะทิระดับเบอร์ตองแถวหน้าของวงการ เรียนเก่งความรู้เยี่ยม เป็นคนรุ่นใหม่ใครๆก็รู้จัก ประสบการณ์เพียบ ผลงานกองพะเนิน ภาพลักษณ์ดีไม่มีประวัติเสียหายด่างพร้อย แทบไม่ต้องปรับแต่งปรุงรสอะไรก็ติดป้ายเอาขึ้นโชว์ขายได้เลย
พรรคประชาธิปัตย์โล่งอกไปเปราะหนึ่งแล้ว แต่ที่ยังไปไม่ถึงไหนคือพรรคพลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะส่งใครลงชิงชัยผู้ว่ากทม.บริหารเสาชิงช้า ก่อนหน้านี้ไกลๆก็มีข่าวว่า พล.อ.ประวิตรกับ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคต้องการหนุน “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา (อายุ 62 ปี) อดีตพิทักษ์ 1 ลงเป็นผู้ว่ากทม.ในนามพรรครักษาฐานกทม.ไว้ แต่ต่อมาเกิดอุบัติเหตุเกิดคลื่นใต้น้ำในพรรค หลังมีข่าวว่า “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ( อายุ 70 ปี) พ่อเมืองกทม.คนปัจจุบันเกิดเปลี่ยนใจขอลงผู้ว่าฯต่อ หลังลงพื้นที่ช่วงโควิด-19 ระบาดแล้วกระแสตอบรับดีชาวบ้านเชียร์มีใจ เลยขอกลับมาลุ้นผู้ว่าฯกทม.ต่ออีกสมัยหวังทำดับเบิ้ลแชมป์แบบอดีตผู้ว่าฯคนเก่าบ้าง งานนี้วิ่งตรงเข้าหาผู้มีอำนาจตึกไทยคู่ฟ้าขอโอกาสจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ลงลุ้นผู้ว่าฯกทม.ต่ออีกยก สุดท้ายเลยกลายเป็นที่มาทำให้พล.ต.อ.จักรทิพย์ต้องถอนตัวประกาศไขก็อกออกไปอย่างเจ็บช้ำ ทั้งๆที่อุตส่าห์ลงพื้นที่หาเสียงช่วยชาวบ้านมาพักใหญ่ ลงทุนแจกของ แจกข้าวสาร แจกทุเรียน ฯลฯ แต่เมื่อถูกเบรกจากผู้ใหญ่ถูกห้ามจากลูกพี่ที่สุดเลยต้องหันหลังพับโครงการเก็บไป ก่อนให้เหตุผลแบบแกนๆว่าไม่อยากไขว้กันเองกับรุ่นพี่สามพรานอย่างพล.ต.อ.อัศวิน
อย่างไรก็ตามจุดเหลี่ยนของพรรคพลังประชารัฐในการส่งคนลงแข่งผู้ว่าฯกทม.ก็พลิกผันอีกครั้ง หลังคู่แข่งเต็งจ๋าอย่าง “เสี่ยทริพ” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ (อายุ 55 ปี) อดีตราชรถ 1 ยุคยิ่งลักษณ์ มีคะแนนโพลล์นำโด่งที่ 1 ตลอดทุกรอบการสำรวจความคิดเห็น งานนี้บรรดาบิกๆในรัฐบาลทั้งพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร เลยเห็นตรงกันว่าหากจะหนุนพล.ต.อ.อัศวินขึ้นประกบดูท่าจะไม่ไหวไปต่อไม่ได้ เพราะ 5 ปีเศษที่ผ่านมาของพล.ต.อ.อัศวินผลงานก็ชัดเจนว่า “ความชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฎ” ผลงานเด่นๆในเมืองหลวงส่วนใหญ่ก็มาจากดำริแนวคิดของพล.อ.ประยุทธ์ล้วนๆ อาทิ คลองสวยน้ำใส คลองโอ่งอ่าง บ้านคนจนบ้านประชารัฐ สายไฟฟ้าลงดิน ทางเดินเท้า ฯลฯ ส่วนมากก็เป็นฝีมือรัฐบาล
ด้วยเหตุนี้จึงนำไปสู่แนวคิดในการดึง คนเด่น คนดัง ที่สังคมรู้จักขึ้นมาเป็นคู่เทียบกับชัชชาติแทน หวยก็ไปตกกที่ “ผู้ว่าฯหมูป่า” ณรงศักดิ์ โอสถธนากร (อายุ 56) อดีตผู้ว่าฯเชียงราย พะเยา ลำปาง และล่าสุด ปทุมธานี ที่อดีตเคยเป็นฮีโร่ประเทศไทยในฐานะหัวหน้าทีมปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยถ้ำหลวง ช่วยชีวิตเยาวชนนักฟุตบอลทีมหมูป่า 13 คน ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ระหว่างวันที่ 23 มิ.ย. – 10 ก.ค. พ.ศ. 2561 งานนี้ข่าวว่าทางพล.อ.ประวิตรเรียกณรงศักดิ์มาพบมาคุยที่เซฟเฮ้าส์มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดเรียบร้อยแล้ว แต่เจ้าตัวขอเวลา 2-3 สัปดาห์ในการตัดสินใจ ล่าสุดเย็นนี้ (14 ธ.ค.) ณรงศักดิ์นัดนักข่าวแถลงเปิดใจที่จวนผู้ว่าฯปทุมธานีถึงเรื่องนี้ ก่อนประกาศไม่ขอรับปราถนาดีจากพรรคพลังประชารัฐ ไมตรีจากลุงป้อมที่เชื้อเชิญให้ลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามพรรค
“เพราะเมื่อยังสวมหมวกราชการ อยากจะสวมหมวกราชการให้ดีที่สุด แล้วความภาคภูมิใจของราชการที่ดีที่สุดก็คือ การเดินจากราชการไปอย่างสง่าผ่าเผย คือความตั้งใจ และเป็น intention (เจตนา) จริงๆ มีคนเคยถามผมว่า แล้วหลังชีวิตราชการจริงๆ อยากไปไหน ผมบอกว่า ผมอยากสอนหนังสือ ถ้าใครจำที่ถ้ำหลวงได้ วันนี้ความตั้งใจคืออยากเกษียณอายุราชการ และอยากสอนหนังสืออยู่เสมอ” ณรงค์ศักดิ์ กล่าว
ยกเหตุผลยังอยากทำงานรับใช้คนปทุมธานีต่อเพราะเพิ่งย้ายมาแค่ 2 เดือน อีกทั้งคุณสมบัติยังไม่ได้เพราะทะเบียนบ้านยังอยู่ปทุมธานี นอกจากนี้มองกันไกลๆ หากพลาดแพ้ขึ้นมา อายุราชการที่เหลืออีก 4 ปีจะสูญไปป่าวๆ หรือต่อให้กลับมารับราชการได้อีกครั้งแต่ก็คงไม่เหมือนเดิม เพราะโดนโลโก้พรรคพลังประชารัฐแสตมป์หน้าประทับตราไปแล้ว กลายเป็นของมีรอยมีตำหนิ จากนี้ต้องติดตามว่าพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร จะเอายังไงกับสนามกทม. หลังมวยหลักอย่างณรงศักดิ์โบกมือลา เจอแบบนี้จะลมพัดหวลกลับไปหนุนพล.ต.อ.อัศวินหรือจะไปขุดพล.ต.อ.จักรทิพย์มาขายต่อ หรือหาคนสดใหม่มาเป็นมวยแทน เรื่องนี้ต้องติดตามกันต่อไปยังไงก็มีเวลา เพราะคนกดปุ่มเลือกตั้งคือพล.อ.ประยุทธ์ล่าสุดบอกแล้วกลางปีหน้านู้น 2565 (อย่างเร็วสุด) จึงจะเลือกตั้ง
///////////////
