จากกรณีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจคัดกรองเชิงรุกภายในเรือนจำ จ.พิษณุโลก ก่อนพบผู้ต้องขังติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึง 1,760 ราย
ล่าสุด นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการ จ.พิษณุโลก ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าตรวจสอบเรือนจำพิณุโลก ว่า พบผู้ต้องขังติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึง 1,760 รายจริง ทั้งนี้จะยังไม่ตรวจซ้ำโดยใช้วิธี RT-PCR แต่จะนำเครื่องเอกซเรย์เข้าไปตรวจแทน โดยหากพบว่าผู้ต้องขังรายใดติดเชื้อโควิด-19 แล้วเชื้อลงปอด ก็จะส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลทันที ส่วนผู้ต้องขังที่ติดเชื้อแล้วไม่มีอาการ จะรักษาด้วยการให้ยาฟาวิพิราเวียร์ภายในเรือนจำแทน

ผู้ว่าฯ พิษณุโลก ยืนยันว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดที่พบในเรือนจำได้ เพราะเรือนจำเป็นสถานที่ปิด และมีมาตรฉุกเฉินคอยป้องกันไว้อยู่แล้ว ส่วนการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากความหย่อนยานมาตรการด้านสาธารณสุขภายในเรือนจำพิษณุโลก เพราะการรับผู้ต้องขังรายใหม่ เข้าเรือนจำ จะมีการคัดกรองและกักตัวตามมาตรการที่เข้มข้น ส่วนการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากทันตแพทย์ที่อยู่ภายนอก แล้วเข้ามารักษาผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำ นอกจากนี้อาจมีสาเหตุมาจากเจ้าหน้าที่ หรือผู้คุม และการขนส่งอาหารภายในเรือนจำ ซึ่งจะเร่งสืบหาต้นตอ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่ระบาดเป็นวงกว้างต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างวันที่ 10-11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องขังแดน 4 มีไข้ หนาวสั่น มีน้ำมูก และเจ็บคอ ต้องเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลของเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก จำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงทำการสุ่มตรวจด้วยชุดตรวจ ATK พบผู้ต้องขังมีผลเป็นบวกจำนวน 259 ราย และมีผลเป็นลบ 246 ราย กระทั่งวันที่ 12 ธ.ค. จังหวัดพิษณุโลก ได้ประสานขอรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน ให้มาช่วยตรวจคัดกรองผู้ต้องขัง 1,954 ราย พบผลเป็นบวก 1,501 ราย มีผลเป็นลบ 453 ราย ล่าสุดวันนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก ร่วมกับโรงพยาบาลวังทอง เข้าไปทำการตรวจคดกรองผู้ต้องขังทั้งหมดด้วยวิธี RT-PCR เพื่อยืนยันผลการตรวจคัดกรองที่แน่ชัดอีกครั้ง

