บอร์ด สปสช.ผ่านข้อเสนอ ‘งบบัตรทอง’ปี 66 รวม 2 แสนล้าน

บอร์ด สปสช.ผ่านข้อเสนอ ‘งบบัตรทอง’ ปี 66 รวม 2 แสนล้าน หนุนบริการ-นวัตกรรม รองรับสิทธิประโยชน์ใหม่

ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บอร์ด สปสช. ครั้งที่ 13/2564 เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบข้อเสนองบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง ปีงบประมาณ 2566 จำนวน 207,093 ล้านบาท และให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เสนอต่อคณะรัฐมนตรี พิจารณาตามมาตรา 39 แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ต่อไป

สำหรับข้อเสนองบประมาณกองทุนบัตรทอง ปี 2566 เพิ่มจากปีงบประมาณ 2565 จำนวน 8,202 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 เพื่อรองรับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เช่น 4 โครงการยกระดับบัตรทอง โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ การส่งเสริมกัญชาทางการแพทย์ นโยบายผู้สูงอายุ การดูแลที่บ้านและชุมชน นโยบายลดความแออัดโรงพยาบาลปฐมภูมิในเขตเมือง นวัตกรรมด้านการแพทย์ และบริการ Telemedicine นอกจากนี้ ยังรองรับสิทธิประโยชน์ใหม่ที่จะประกาศเพิ่มภายในปี 2565 จำนวน 26 รายการ รวมทั้งการสนับสนุนอุปกรณ์และยาตามบัญชีนวัตกรรม

นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. เปิดเผยว่า ในงบประมาณจำนวน 207,093 ล้านบาท แยกเป็นเงินเดือนภาครัฐจำนวน 61,842 ล้านบาท และเป็นเงินกองทุนฯ ที่ส่งให้ สปสช. จำนวน 145,251 ล้านบาท โดยจะนำไปใช้เป็นงบเหมาจ่ายรายหัว ค่าบริการอื่นๆ นอกงบเหมาจ่ายรายหัว ได้แก่ ค่าบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ค่าบริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ค่าบริการควบคุมป้องกันและรักษาโรคเรื้อรัง ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดาร พื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับการบริการระดับปฐมภูมิ รวมถึงรายการใหม่หรือที่แยกมาจากเหมาจ่าย เช่น ค่าบริการสาธารณสุขร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เงินช่วยเหลือเบื้องต้นผู้รับบริการและผู้ให้บริการ ค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เป็นต้น

การจัดทำข้อเสนองบประมาณครั้งนี้ ยังพิจารณาภายใต้สถานการณ์ที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวหลังโควิด-19 ซึ่งคาดการณ์ว่าโรคโควิด-19 จะกลายมาเป็นโรคประจำถิ่น โดยงบบริการโควิด-19 จะผนวกอยู่ในข้อเสนองบกองทุนฯ ปี 2566 รวม 1,358 ล้านบาท แบ่งเป็น บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค หรือการตรวจหาเชื้อ บริการรักษาผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก รวมทั้งเงินช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีผู้ให้และผู้รับบริการ หรือเงินเยียวยาการแพ้วัคซีนโควิด-19 ที่จะยังคงมีการดูแลอยู่ต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบกรอบวงเงินสำหรับ ยา/วัคซีน/เวชภัณฑ์/อวัยวะเทียม/อุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่จำเป็นตามโครงการพิเศษ ที่ให้เครือข่ายหน่วยบริการด้านยาและเวชภัณฑ์จัดหาให้ ปี 2566 รวมจำนวน 14,736 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 จากปี 2565 ซึ่งเป็นการคาดการณ์รายการที่จะจัดหาผ่านองค์การเภสัชกรรม เช่น ยาจำเป็น วัคซีน อุปกรณ์และอวัยวะเทียม ยาคุมกำเนิด ถุงรองรับปัสสาวะ น้ำยาล้างไตผ่านทางช่องท้อง เป็นต้น

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"กัมพูชา" ยอมรับแล้ว เหตุปิดจุดผ่อนปรนช่องอานม้า ประท้วงไทยปรับเวลาก่อน ขู่ซ้ำต้องกลับมาเปิด-ปิดด่าน ให้เป็นปกติ
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เข้ารับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ของโลก ในการประกวดเวทีออสการ์อาหารโลก ปี 67
ศน. จัดโครงการเข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ “ศรัทธาอิ่มบุญ อุดหนุนชุมชน ทำบุญตักบาตร ยลวิถีลาวเวียง” ส่งเสริมชุมชน–น้อมธรรมสู่ชีวิต
"ปชป." ประชุม 3 ชั่วโมง ไม่มีคำตอบชัด ๆ ให้รอแถลงการณ์ ลายลักษณ์อักษร หลังเจรจาเพื่อไทย
เริ่มแล้วที่แรก! จ.ลำพูน กิจกรรมขยายผลภูมิปัญญาศิลปินสู่การพัฒนาอาชีพ ระดับภูมิภาค 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า “ศิลปินสร้างศิลปิน”
“พีระพันธุ์” อุบมติรทสช. ขอคุย “แพทองธาร” เรื่องที่เกิดขึ้นก่อน ผุดไอเดีย “ชัยเกษม” นั่งนายกฯแทน
GLO จัด "Kid Dee Roadshow" เสริมเกราะใจไซเบอร์ให้เยาวชนใต้ รู้เท่าทันภัยพนันออนไลน์
“ภราดร” เข้ากราบลา “วันนอร์” หลังลาออก รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ขอบคุณไว้วางใจ นับเป็นเกียรติได้ทำหน้าที่
"วราวุธ" แถลงชาติไทยพัฒนา ประชุม สส.-กก.บห.ไม่ถอนตัว รอคุยนายกฯเพิ่ม เกิดอะไรขึ้น
"สิบเอกสังกัดกอ.รมน." เครียดปัญหาส่วนตัว เบิกเอ็ม 16 เหนี่ยวไกปลิดชีพคาหน่วย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น