วันที่ 3 ธันวาคม 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 1 ต.ช่องไม้แก้ว อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ว่า มีช้างป่าขนาดใหญ่ตัวหนึ่งพลัดหลงออกจากโขลง เข้ามาหาอาหารอยู่รอบๆ วัดมุจลินทราราม หมู่ 1 ต.ช่องไม้แก้ว อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร เกรงว่าช้างตัวดังกล่าวอาจจะทำอันตรายต่อชาวบ้าน จึงประสานไปยัง นายชลิต สินโรจน์ธนากร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว หน่วยงานที่ดูแลพื้นที่ดังกล่าว จึงทราบว่าอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาวได้จัดเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจเข้าไปตรวจสอบมาแล้วตั้งแต่ 3 วันที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้ติดตามช้างโขลงนี้มาอย่างต่อเนื่องประมาณ 5-6 ปีแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดนี้มีหน้าที่ในการติดตามช้างและผลักดันช้างโขลงนี้โดยเฉพาะ เดิมช้างโขลงนี้จะออกมาทั้งฝูงประมาณ 12-13 ตัว แต่ปัจจุบันทราบว่ามีการแยกออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกมีช้าง 7 ตัว กลุ่มที่สองมี 4 ตัวเป็นช้างแม่ลูก และกลุ่มสุดท้ายเป็นช้างเพศผู้อายุประมาณ 7-8 ปี 1 ตัวชาวบ้านเรียกว่า “ไอ้ลูกงา”
นายชลิต กล่าวว่า หน้าที่หลักของเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจชุดนี้ก็คือ หากช้างทั้ง 3 กลุ่มไปทางไหนพวกเขาก็จะติดตามไปด้วยทั้งหมด และยังมีการทำเครือข่ายอาสาชุดผลักดันช้างไว้ในแต่ละหมู่บ้าน แต่เป็นครั้งแรกที่ช้างเพศผู้ตัวนี้ออกจากฝูงเข้ามาหากินในพื้นที่ชาวบ้าน จึงได้สั่งการให้ชุดเฝ้าระวังช้างที่แบ่งออกเป็น 3 ชุด ต้องมาเฝ้าระวัง ช้างเพศผู้ตัวนี้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยแบ่งการเฝ้าระวังเป็น 2 ช่วงเวลา และเรื่องนี้ผู้บังคับบัญชาในกรมและผู้บริหารจังหวัดชุมพรทราบเรื่องเป็นอย่างดี พวกเราทำงานร่วมกันกับผู้นำชุมชนเพื่อทำความเข้าใจ มีการประสานงานพร้อมทั้งร่วมกันผลักดันอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ส่วนผู้ที่แจ้งเรื่องให้สื่อมวลชนทราบ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปพูดคุยและทำความเข้าใจหลายวันแล้ว ก่อนที่จะมีการแจ้งให้สื่อมวลชนทราบด้วย ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจที่ดูแลเรื่องนี้ทำงานอย่างเข้มแข็ง ต่อเนื่อง และมีความเป็นมืออาชีพสูง ขอให้เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาวด้วย
“เท่าที่ทราบช้างตัวนี้ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ลูกงา” จะออกหากินในเวลากลางวันด้วย และในช่วงกลางวันมันจะเครียดและหงุดหงิดง่าย ซึ่งอาจเป็นเพราะออกจากโขลงก่อนเวลาอันควร เพราะโดยธรรมชาติของช้างเพศผู้ เมื่อโตเต็มวัยก็จะออกจากโขลงมาหาพื้นที่ของตนเองในการหากิน จึงรายงานให้ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 ทราบ และได้รับคำแนะนำว่าให้อุทยานฯ จัดหาสถานที่ป่าอนุรักษ์ไว้ 2-3 แห่ง หากยังไม่สามารถผลักดันให้มันกลับเข้าป่าได้ อาจต้องให้สัตวแพทย์ของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 เข้ามาหาทางยิงยาสลบ แล้วเคลื่อนย้ายช้างไปอยู่ในที่ๆ จัดไว้ ระหว่างนี้หากชาวบ้านพบช้างตัวนี้ขอให้หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ แล้วรีบโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ๆ ให้เบอร์โทร.ของทุกคนเอาไว้แล้ว” นายชลิต กล่าว
เอกชนะ นวนละมัย ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ชุมพร