ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยรองโฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยช่วงหนึ่ง ว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อกลายพันธุ์โอมิครอนขณะนี้กระจายไป 39 ประเทศทั่วโลก ประเทศที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่วันเดียวกันนี้ คือ กานา นอร์เวย์ ฟินแลนด์ ไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) อินเดีย ทั้งหมดเป็นการพบเป็นเชื้อนำเข้าจากต่างประเทศ และทุกประเทศยังไม่พบเชื้อไม่ถึง 1% ของผู้ติดเชื้อในประเทศ จึงยังไม่มีการแพร่ระบาดในประเทศเหล่านั้น
ในส่วนของประเทศไทยไม่รับนักท่องเที่ยวจากประเทศกลุ่มเสี่ยงสูง 8 ประเทศแอฟริกาตอนใต้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 15-27 พ.ย. มีคนจากประเทศกลุ่มเสี่ยงสูงเดินทางเข้ามาในประเทศจำนวน 333 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม 1.คนที่ออกจากประเทศไปแล้ว 61 ราย 2.กลุ่มที่ทำการกักตัวครบ 14 วันแล้ว 105 ราย และกลุ่ม 3 ยังไม่ครบ 14 วัน 167 ราย ซึ่งต้องตามบุคคลเหล่านี้มาทำการตรวจ RT-PCR ซ้ำ อย่างเร็วที่สุด สามารถติดตามตัวและนำตรวจได้แล้ว 44 ราย ส่วนคนที่เหลืออีก 123 ราย จะมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง ทั้งการส่งข้อความที่มีการลงทะเบียนในไทยแลนด์พลัส ข้อมูลที่มีการลงทะเบียนในแอปพลิเคชั่นหมอชนะ และโทรศัพท์ไปที่โรงแรมที่พัก
ทั้งนี้ กำชับให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำชับไปยังโรงแรมต่างๆ ให้บุคคลเหล่านี้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นหมอชนะ เพราะเป็นช่องทางในการสื่อสาร และบุคคลเหล่านี้เมื่อเข้าตรวจ RT-PCR จะไม่เสียค่าใช้จ่าย ใน 2 กลุ่มนี้ จะมีความแตกต่างกัน กลุ่มที่ มา 8 ประเทศ จะต้องตรวจ RTPCR ซ้ำ และกลุ่มอื่นๆที่เป็นความเสี่ยงต่ำมีทั้งสิ้น 453 ราย บุคคลเหล่านี้ไม่ตรวจ RT-PCR ซ้ำ จึงขอให้เฝ้าสังเกตอาการตัวเองหลังจากออกจากสถานที่กักตัวไปเป็นเวลา 14 วัน ถ้ามีอาการค่อยไปตรวจซ้ำ