วันนี้ (30 พ.ย.64) ที่โรงแรฮาร์ดร็อค พัทยา จ.ชลบุรี สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานพัทยา จัดเสวนาพิเศษพบกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว เรื่อง “โครงการรีบูทท่องเที่ยวไทยด้วยตลาดพรีเมียม “สีสันตะวันออก” ท่องเที่ยวเมืองเศรษฐกิจ EEC ขับเคลื่อนเชื่อมโยง 5 ภูมิภาค” โดยมีนายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ นายกสมาคมบริการไทยบริการท่องเที่ยว พร้อมด้วยตัวแทนจากองค์ กรภาคธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองพัทยาเข้าร่วม
ด้านนายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่าหลังรัฐบาลประกาศเปิดประเททศมาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันสถานประกอบการโรงแรมในพื้นที่เมืองพัทยาซึ่งอยู่จำนวนนับพันรายทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก รวมแล้วกว่า 1.2 แสนห้อง จะมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวที่เข้าพักเพียงไม่ถึง 50 % เท่านั้น และส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเลือกพักในโรงแรมระดับ 4-5 ดาวที่มีการจัดโปรแกรมลดราคากระหน่ำเพื่อดึงดูดความสนใจ ทำให้กลุ่มโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กตั้งแต่ 3 ดาวลงไปประสพปัญหาอย่างมาก เพราะจนถึงขณะนี้กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่มีการเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นกิจจะลักษณะด้วยยังมีปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นในหลายประ เทศ อาทิ รัสเซีย อินเดีย หรือจีนที่เป็นกลุ่มตลาดหลัก ก็ยังมีนโยบายไม่ปล่อยให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกนอกประเทศ อีกทั้งขั้นตอนและวิธีการเข้ามาพำนักในประเททศไทยก็ค่อนข้างยุ่งยาก ทั้งการรับวัคซีน การทำ RT-PCR ถึง 2 ครั้ง ทั้งขาเข้า และเมื่อมาถึงในพื้นที่ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงขึ้น รวมถึงไร้อิสระในการท่องเที่ยว ด้วยข้อกำหนดของการจัดทำ Seal Route ส่วนที่เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามานั้นส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มชาวต่างชาติที่มีครอบครัว ที่พัก หรือธุรกิจในพื้นที่ที่รอกลับมาหลังได้รับอนุญาต
ขณะที่นายพิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก กล่าวว่าเมืองพัทยาประสพภาวะเงียบเหงาและตกต่ำอย่างหนักตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการเปิดประเทศไปแล้วแต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังคงเป็นชาวไทย หรือคนต่างชาติที่มีครอบครัว ที่พักอาศัยหรือธุรกิจในพื้นที่เท่านั้นที่เดินทางกลับมา เรื่องนี้เข้าใจว่าหลายฝ่ายพยายามหาหนทางช่วยเหลือ อย่างการจัดกิจกรรม Event ที่เมืองพัทยาจัดขึ้น ก็พบว่าจะได้กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นหลัก และก็มีแค่ 2 วันที่จัดงานพลุพัทยาเท่านั้น ที่มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวเข้าพักเกือบเต็ม 100 % จากนั้นมาก็จะขายห้องได้แต่เฉพาะช่วงวันหยุดหรือลองวีคเอนท์เท่านั้น ดังนั้นหากผ่านพ้นฤดูกาลท่องเที่ยวนี้ซึ่งจะมีไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 65 และสถานการณ์การท่องเที่ยวยังไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มตลาดท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่ตอบรับ การผ่อนปรนที่ยังไม่เอื้อต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยว คาดหมายว่าน่าจะต้องมีกิจการจำพวก Sme ปิดตัวลงอีกหลายสิบเปอร์เซ็นต์แน่นอน ตัวอย่างเช่นชมรมแหล่งท่องเที่ยวเมืองพัทยาที่แต่เดิมมีสมาชิกกว่า 40 แห่ง ขณะนี้ปิดตัวไปแล้วกว่า 50 % และคาดว่าคงไม่สามารถฟื้นฟูกิจการกลับมาได้อีกเหมือนเช่นเดิม
