จากกรณี พ่อค้าขายไก่ย่าง ชาวนครพนม ถูกเจ๊เจ้าของร้านเพชรแห่งหนึ่ง อายุ 65 ปี กล่าวหาว่าได้ติดต่อขอซื้อเพชรและได้ฉกหรือวิ่งราวเพชร มูลค่า 15.8 ล้านบาท ออกไปจากบ้านเช่าย่านบางเสาธงในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ตกเป็นข่าวโด่งดัง เมื่อเดือน ธ.ค. 2559 จนทำให้ถูกติดคุกในเรือนจำนานถึง 7 เดือน 10 วัน กระทั่งต่อมาภรรยาได้เดินทางไปร้องขอความยุติธรรมกับกระทรวงยุติธรรมให้ช่วยเหลือ จนศาลมีคำสั่งยกฟ้องเมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันที่24 พ.ย. 64 นายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ เปิดเผยว่า หลังถูกกล่าวหาว่าฉกเพชรหรือวิ่งราวเพชรมูลค่า 15 ล้านบาทไป จนทำให้ติดคุกนาน เกือบ 8 เดือน ก่อนศาลจะยกฟ้องในช่วงเวลาต่อมา ตนพร้อมภรรยา จึงไปขึ้นศาลอาญาธนบุรี กรุงเทพฯอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ในฐานะเป็นฝ่าย โจทก์ หรือผู้เสียหาย ในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย กลับทางเจ๊เจ้าของร้านเพชรที่เป็นผู้กล่าวหาตนว่าเป็นผู้ฉกเพชรไปเราก็ขอเรียกร้องความเป็นธรรมกับสิ่งที่เขาทำกับเรา ที่ให้เราได้รับการจองจำ และความลำบาก สูญเสียทุกอย่างไปต่อมาเราได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเราเป็นผู้บริสุทธิ์ คือเขากล่าวหาเราฉกเพชรเขามูลค่า 15 ล้าน 8 แสน
นายพิสิษฐ์ กล่าวอีกว่า การที่ต่อสู้คดีของเรา ต้องใช้เงิน ภรรยาเดินทางไป-กลับ นครพนม-กรุงเทพฯ เสียค่าเดินทาง ค่าอยู่ ค่ากิน ไหนค่าใช้จ่ายส่วนตัวผมที่ผ่านมาอยู่ในเรือนจำอีก ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น ร้านไก่ย่างก็ไม่ได้ขายต้องกู้หนี้ยืมสินเขามาอีกถ้าเราพิสูจน์ตัวเองว่าบริสุทธิ์แล้วตอนนี้ คือเราอยากจะขอให้เขาพิสูจน์ของตัวเขาเองบ้าง ว่าที่เขาทำกับเรา กล่าวหาเราฉกเพชรเขา 15 ล้านบาทไป เราได้พิสูจน์ตัวเองว่าเราบริสุทธิ์แล้ว ที่นี้เราจะขอฟ้องกลับคืนเขาบ้างแล้ว จะให้เข้ามาเคลียร์มาคุยอะไรกับเรา ความทุกข์ ความลำบาก ความยุ่งยากมันเกิดขึ้นมากับเราไหนจะชื่อเสียงเรา ที่ทำมามันก็หายหมดแล้ว ลูกเราจะเรียนหนังสือก็อายเพื่อนฝูง เราก็จะลุกขึ้นมาสู้ให้ถึงที่สุด จะมาขอเยียวยาเรา 50,000 บาท ทางเราไม่ขอรับไว้หรอก คงปล่อยให้เป็นขั้นตอนของศาลตัดสินคดีความไป ก็สู้กันไป ไหนๆมันเสียหายไปแล้ว ก็ขอสู้คดีให้ถึงที่สุดกันไป ในครั้งนี้