พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการทดลองระบบการฉีดวัคซีน ที่จุดฉีดวัคซีนโควิด-19 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ ประเดิมฉีดวัคซีนวันแรก ซึ่งเป็นการทดสอบระบบ โดยฉีดวัคซีนให้เฉพาะ บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า อาสาสมัคร และกลุ่มอาชีพเสี่ยง ที่ได้รับการลงทะเบียนกับสำนักอนามัย กรุงเทพมหานครเท่านั้น ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.
โดยระหว่างการตรวจเยี่ยม นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามเจ้าหน้าที่เรื่องจุดพักคอยของผู้ที่มารอฉีดวัคซีน เพราะเป็นห่วงว่าจะต้องนั่งรอนาน พร้อมพูดคุยกับคนที่มาฉีดวัคซีนว่า ให้กลับไปบอกคนอื่นด้วยว่า ไม่ต้องห่วง มาฉีดแล้วมีหมอดูแลอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังสอบถามว่า “ตื่นเต้นหรือไม่ มีลูกแล้วก็ไม่ต้องตื่นเต้นแล้ว ขอให้พื้นที่ฉีดวัคซีนเปิดเพลงคลอเพื่อผ่อนคลาย ขอให้ประชาชนหมั่นสวดมนต์ ให้ยึดหลักธรรมอิทธิบาท 4 และอริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ขออย่าซีเรียสนะ นายกฯก็เสียงดังแบบนี้แหละ รักทุกคน ปลอดภัยทุกคน จากใจนายกฯ และรัฐบาล” นายกฯ กล่าวระหว่างตรวจเยี่ยม
นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ช่วงนี้เป็นการเดินสายดูแลพื้นที่ทั้ง กทม.-ปริมณฑล ทั้งนี้ ถ้าเราคิดคนละอย่างก็ไม่ได้ รัฐต้องการบริหารให้เกิดผลส่วนรวมให้ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ การติดตามและตรวจสอบเฝ้าระวังทุกตารางนิ้วของประเทศไทย จากนั้น ก็เข้าสู่ระบบการรักษาและกักตัว วันนี้เป็นการร่วมมืออย่างดียิ่งกับภาคเอกชน การบริหารการแก้ปัญหาเรื่องโควิด ตนได้หารือกับทุกภาคส่วนมาตลอด ไม่ใช่เพราะกดดันแล้วถึงจะดำเนินการ วันนี้เราต้องไปด้วยกันทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เรื่องวัคซีน ไม่ได้ปิดกั้นและค่อย ๆ จัดหาเพิ่มเรื่อย ๆ วันนี้ก็ขึ้นทะเบียนวัคซีนโมเดอร์นาแล้ว และตอนนี้รัฐบาลก็พยายามปรับให้กลุ่มคนที่ต้องพบกับบุคคลสาธารณะ พนักงานบริการ รวมถึงแรงงาน 16 ล้านคน ให้ได้ฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น พวกเราต้องช่วยกัน ตนเองไม่ได้โทษประชาชน แต่ก็จะโทษรัฐบาลไม่ได้ ผมไม่ได้ไปขัดแย้งกับใคร ดีเสียอีกจะได้ช่วยกัน แต่ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบของกระทรวงสาธารณสุข ต้องบริหารจัดการทีละขั้นตอน
ส่วนกรณีที่จังหวัดบุรีรัมย์ ออกกฎเหล็กประชาชนกลุ่มเสี่ยงไม่ฉีดวัคซีนถึงขั้นติดคุกนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ละจังหวัด จะกำหนด ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการจังหวัดพิจารณา ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ ไม่ได้มุ่งหวังทำร้ายประชาชน เป็นการเตือน เหมือนค่าปรับเมื่อไม่สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งอาจจะปรับหรือไม่ปรับก็ได้ ถ้าไม่เตือนแล้วจะทำกันหรือไม่ ทำไมต้องให้บังคับใช้กฎหมายกันด้วย ตัวเองต้องปลอดภัย ครอบครัวปลอดภัย ตนไม่โทษใคร เดี๋ยวสื่อจะหาว่าโทษประชาชนอีก ถ้าในสื่อ เขียนว่านายกฯ โทษประชาชนอีก มีเรื่องนะ
สำหรับกรณีจังหวัดชายแดนที่ยังมีการลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย จะต้องเข้มงวดขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้สั่งการไปหมดแล้ว ในพื้นที่ มีที่พักคอย ตลอดแนวชายแดน ซึ่งกระทรวงกลาโหมทำตามแนวทางนี้ เมื่อมีผู้เข้ามา ก็ดูแลตามสิทธิมนุษยชน พอเลิกรบก็ให้กลับไป เราไม่ต้องการให้เข้ามาข้างใน มาตั้งเป็นศูนย์อพยพ ไม่ต้องการให้ทำแบบนั้น
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงแนวทางการผ่อนคลายเรื่องการรับประทานอาหารในร้านค้า ว่า ได้ให้แนวทาง ศบค.ไปพิจารณากับกระทรวงสาธารณสุข ได้มาตรการออกมาแล้ว ให้ผ่อนผันให้เปิดได้แต่ต้องมีแนวทางปฏิบัติที่ร้านให้ถูกต้อง เหมือนครั้งแรก ขั้นต้นเสนอมาให้ประชาชนเข้ามานั่งในร้านได้ 25 เปอร์เซ็นต์ หรือ 1 ใน 4 ก่อน ซึ่งแผนมีการปรับอยู่ตลอดเวลา