นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ ศบค. เปิดเผยว่า ที่ประชุม EOC ของกระทรวงสาธารณสุข ได้เสนอหลักการต่อ ศบค.ชุดเล็ก ในการผ่อนคลายมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 และระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดในปัจจุบัน ดังนี้
การปรับระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร มีหลักเกณฑ์ในการปรับ โดยพิจารณาหลายเหตุผลร่วมกัน คือ
1.ลักษณะการระบาดในชุมชน โดยพิจารณาจากจำนวน ความต่อเนื่อง
– พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มีผู้ป่วยมากกว่า 100 คนต่อวัน อย่างน้อย 1 วันใน 1 สัปดาห์ หรือเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์มากกว่า 50 คนต่อวัน
– พื้นที่ควบคุมสูงสุด มีผู้ป่วยเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ 20-50 คนต่อวัน
– พื้นที่ควบคุม มีผู้ป่วยเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ น้อยกว่า 20 คนต่อวัน
– พื้นที่เฝ้าระวังสูง มีผู้ป่วยเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ น้อยกว่า 10 คนต่อวัน
– พื้นที่เฝ้าระวัง พื้นที่ไม่มีผู้ป่วยอย่างน้อย 1 สัปดาห์
2.จังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับพื้นที่ที่พบการระบาดต่อเนื่องและเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ
3.จังหวัดที่มีการระบาดในกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสแพร่เชื้อได้ง่าย
4.จังหวัดที่ติดกับชายแดน หรือเคยมีผู้เดินทางเข้าไปในพื้นที่ติดเชื้อ
5.สัดส่วนการได้รับวัคซีนของประชากรในพื้นที่ (ปรับลดระดับลงกรณีได้รับวัคซีนมาก)
ซึ่งหลักพิจารณาทั้ง 5 ข้อนี้ จะนำไปสู่การพิจารณามาตรการผ่อนคลายกิจกรรมกิจการต่างๆ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด , พื้นที่ควบคุมสูงสุด และพื้นที่ควบคุม เช่น
– พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด อาจจะอนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารในร้านได้ ไม่เกินร้อยละ 25 ของพื้นที่ร้าน และเปิดไม่เกิน 21.00 น. สั่งกลับบ้านไม่เกิน 23.00 น. และงดการจำหน่ายหรือดื่มสุราในร้าน
– พื้นที่ควบคุมสูงสุด อาจอนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารในร้านได้ ไม่เกิน 23.00 น. แต่ยังห้ามจำหน่ายหรือดื่มสุราในร้าน รวมทั้งให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อการเรียนการสอน หรือกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนได้ โดยต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
– พื้นที่ควบคุม อาจอนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารในร้านได้ตามปกติ แต่ยังงดการจำหน่ายหรือดื่มสุราในร้าน รวมทั้งให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอน หรือจัดกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมากได้ ภายใต้มาตรการที่กำหนด
ส่วนจังหวัดไหนจะอยู่ในระดับพื้นที่อะไร ยังต้องมีการพิจารณาปัจจัยประกอบในหลายด้านและเสนอนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.พิจารณา โดยจะประกาศรายชื่อจังหวัดในระดับพื้นที่ต่างๆ พรุ่งนี้ (15 พ.ค.64)
