พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหมและผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับมอบอุปกรณ์สนับสนุนจากภาคเอกชน ได้แก่ อุปกรณ์ฆ่าเชื้อในอากาศ เครื่องออกซิเจน อุปกรณ์ทางการแพทย์ ห้องน้ำ เครื่องอุปโภค รวมมูลค่า 45.78 ล้านบาท
สำหรับโรงพยาบาลบุษราคัม จัดตั้งขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ผู้ติดเชื้อทุกคน โดยเฉพาะผู้ป่วยสีเหลืองที่เจ็บป่วยเล็กน้อยถึงปานกลางทั้งจากในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และสายด่วนต่างๆ จาก กทม.และปริมณฑล ได้รับการดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยลดอาการรุนแรง ลดการเสียชีวิต รวมทั้งเป็นการดูแลผู้ป่วยอย่างครบวงจร ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต เบื้องต้นรับผู้ป่วยได้ประมาณ 1,092 เตียง หากมีผู้ป่วยเพิ่มสามารถขยายพื้นที่รองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 5,000 ราย ภายใต้การดูแลของแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่จาก 60 จังหวัดที่พบการแพรระบาดน้อย มาหมุนเวียนปฏิบัติหน้าที่ รวม 780 คน พร้อมด้วยอุปกรณ์ด้านการแพทย์ ทั้งรถเอกซเรย์ เครื่องช่วยหายใจกว่า 100 เครื่อง ห้องตรวจปฏิบัติการ ยาสำคัญ อุปกรณ์ทางการแพทย์ อย่างครบครัน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่สร้างผลกระทบไปทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยเองก็มีการระบาดในวงกว้างอยู่ในขณะนี้ ทำให้มีประชาชนที่ต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลจำนวนมาก ที่ผ่านมารัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการตั้งโรงพยาบาลในหลายแห่ง เพื่อให้ทุกคนได้รับการรักษา และวันนี้ก็เป็นโอกาสสำคัญที่ได้มีโรงพยาบาลบุษราคัมขึ้นมาเพิ่มเติมโดยเป็นความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานต่างๆ ทั้งกระทรวงมหาดไทยเหล่าทัพและภาคเอกชน ซึ่งจะต้องเป็นความร่วมมือที่เข้มแข็งและยั่งยืนต่อเนื่องไปจนถึงเรื่องของการร่วมกันบริหารจัดการวัคซีนที่ได้ยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ
โดยโรงพยาบาลบุษราคัมเป็นแนวทางการเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาล ที่เป็นหนึ่งในแผนการวางมาตรการรองรับสถานการณ์ในระดับต่างๆ ตั้งแต่เบาสุดจนถึงหนักสุด เช่นเดียวกับเรื่องของการบริหารจัดการวัคซีนในภาพรวม จึงหวังทุกภาคส่วนร่วมมือสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลบุษราคัมบรรลุวัตถุประสงค์ ในการดูแลประชาชนได้ครอบคลุม ทั่วถึง ไม่เหลือล้ำ เป็นส่วนช่วยสำคัญทำให้ประเทศก้าวผ่านเหมือนวิกฤติปัญหาครั้งนี้ไปได้ มั่นใจด้วยศักยภาพของไทยและความร่วมมือจะต้องสามารถรับมือและแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ใช้ได้เลยเร็ว
นายกรัฐมนตรีขอทุกคนอย่าท้อแท้สิ้นหวังอย่าขัดแย้ง เพราะเชื่อว่าไทยนั้นมีศักยภาพในการรักษาพยาบาลประชาชนผู้ติดเชื้อและการบริหารจัดการในภาพรวมเพื่อแก้ปัญหาการแพทยระบาด โดยต้องขอชื่นชมความร่วมมือของทุกภาคส่วน รวมไปจนถึงผู้ปฏิบัติงานทั้งบุคลากรทางการแพทย์เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานอยู่ในทุกสถานที่ทั้งในท้องถนนและในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งตนเองเชื่อว่าทุกคนต้องได้รับกำลังใจจากการทำงานอย่างหนักทุ่มเทเสียสละซึ่งทุกคนคงได้เห็นภาพเจ้าหน้าที่ที่ต้องนั่งพักนอนพักอยู่บนพื้นหรือใต้โต๊ะทำงานไม่มีเวลากลับไปพักผ่อนที่บ้าน.
นอกจากนี้ต้องขอบคุณฝ่ายความมั่นคงดูแลพื้นที่แนวชายแดนอย่างเต็มที่ และหวังไม่มีปัญหาใดๆเพิ่มเติม นอกจากนี้ไทยยังพร้อมที่จะร่วมมือกับประเทศโดยเฉพาะพื้นบ้านในอาเซียนเพื่อประเทศหนึ่งในโลกร่วมกันแก้ปัญหานี้ไปด้วยกัน