No data was found

เงื่อนงำตั้ง “วิลาสิณี “ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส 

กดติดตาม TOP NEWS

เทียบชั้นเชิงระหว่างคนที่เคยกุมเก้าอี้สื่อสาธารณะมาก่อนกับคู่แข่งที่เก่งจับปลา มองออกตั้งแต่ไม่ขึ้นชกแล้วหล่ะ ใครคือผู้ชนะ

  “ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก”  สำหรับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส Thai PBS   สถานีโทรทัศน์สาธารณะแห่งแรกของประเทศไทย(ส.ส.ท.)

นอกจากออกแถลงการณ์ขอโทษ จากการนำเสนอข่าวผิดพลาดถึงสามครั้งภายในหนึ่งเดือน จนนายชัยวุฒิ  ธนาคมา  นุสรณ์ รมว.ดีอีเอส ส่งผู้แทนกระทรวงเข้าแจ้งความดำเนินคดีความผิดตามพ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน และ คดีความผิดพ.ร.บ.คอมพ์ฯ

ความควายเข้ามาแทรก เมื่อคณะกรรมการนโยบายส.ส.ท. มีนายเจิมศักดิ์  ปิ่นทอง เป็นประธาน  ลงมติเอกฉันท์ เลือก รศ.ดร.วิลาสิณี  พิพิธกุล หรือ “อาจารย์ปุย”  เป็นผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย( ไทยพีบีเอส ) ถือว่านั่งเก้าอี้ผอ.ไทยพีบีเอส สองสมัยซ้อน

แม้การเลือกผอ.สถานีไทยพีบีเอส ได้รับตราประทับรับรองจากนายเจิมศักดิ์  ปิ่นทอง ประธานคณะกรรมการนโยบายฯว่าผ่านการคัดกรองจากคณะกรรมการสรรหาฯที่มี นายชวรงค์   ลิมป์ปัทมปาณี เป็นประธาน อย่างโปร่งใส เป็นธรรมแล้วก็ตาม

แต่หากส่องกล้องเข้าไปดูใส้ในการเสนอชื่อผู้สมัคร พบเงื่อนงำชวนสงสัย

 

 

เริ่มตั้งแต่คณะกรรมการนโยบายฯที่มีนายเจิมศักดิ์ เป็นประธาน แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาฯ โดยมีนายชวรงค์  เป็นประธาน  ขณะนั้นมีผู้สมัครจำนวน 6 คน ต่อมาถอนตัวไปหนึ่งราย  คณะกรรมการรสรรหาเสนอชื่อผู้ผ่านรอบแรกจำนวน 5 คน จากนั้นได้เปิดให้ผู้สมัครแสดงวิสัยทัศน์ โดยคณะกรรมการสรรหา ตั้งเกณฑ์การให้คะแนนต้องไม่ต่ำกว่า 60 คะแนน  โดยเสนอชื่อผู้สอบผ่านเกณฑ์ไปให้คณะกรรมการนโยบายพิจารณาในขั้นตอนสุดท้าย

ปรากฎว่า มีผู้ผ่านเกณฑ์จำนวน 2 รายเท่านั้น  คือ ร.ศ.ดร.วิลาสิณี ที่เคยนั่งเก้าอี้รองผอ.ไทยพีบีเอสและผอ.ไทยพีบีเอส มาก่อน  และ ผช.ศาสตราจารย์มนพ กาญจนบุรางกูร ที่เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การสะพานปลา

หากพิจารณาจากการเสนอชื่อเข้ามารอบสุดท้ายสองราย โดยเปรียบเทียบจากตำแหน่งและประสบการณ์ทำงาน พอจะเห็นเค้าลางการยึดกุมเก้าอี้ผอ.ไทยพีบีเอสบ้างแล้วว่าใครจะเข้าวิน!

 

ร.ศ.ดร.วิลาสิณี ถือว่าคลุกคลีอยู่ในไทยพีบีเอสมาตั้งแต่ปี 2559  ในยุคที่มีทพ.กฤษฏา เรืองอารีรัชต์ ผู้จัดการส.ส.ส.ขณะนั้นข้ามห้วยมาเป็นผอ. ส.ส.ท.  พร้อมกับเกี่ยวก้อย อจ.ปุย ซึ่งเคยเป็นผอ.อาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มาเป็นรองผอ.ส.ส.ท. 

หากจำไม่ผิดชื่อของคุณหมอกฤษฏา เคยปรากฎเป็นข่าว ในการนำไทยพีบีเอสเข้าไปซื้อหุ้นกู้ซีพีเอฟ จนตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง  ในที่สุด หมอกฤษฏีกาขอลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่อจ.ปุย อำลาตำแหน่งรองผอ.ส.ส.ท.ไปด้วย เพื่อยุติข้อครหา (มาด้วยกันไปด้วยกัน )  

อย่างไรก็ตาม  เมื่อปี 2560 รศ.ดร.วิลาสิณี กลับมาสมัครชิงตำแหน่งผอ.ส.ส.ท.อีกครั้ง จะด้วยมีพลังงานบางอย่างที่ยังปกคลุมอยู่ในไทยพีบีเอสหรือไม่ ทำให้ รศ.ดร.วิลาสิณี ผงาดขึ้นมาเป็นผอ.ไทยพีบีเอส ขณะนั้น

นั่นคือเส้นทางแห่งความอึมครึมสู่ตำแหน่ง ผอ.ส.ส.ท.ในอดีต

สำหรับปัจจุบันตามที่เห็นและเป็นอยู่ การเข้ามาทำหน้าที่ของผอ.วิลาสิณี  อยู่ในช่วงของการบริหารสถานีท่ามกลางเสียงวิจารณ์อย่างหนักหน่วงว่ากำลังชักพาสถานีโทรทัศน์สาธารณะแห่งนี้ไปในทิศทางอย่างที่ไม่ควรเป็น ด้วยรูปแบบการนำเสนอที่ชวนให้ผู้ชมมีเครื่องหมายคำถามหลังปิดจอทีวีเสมอ เป็นสื่อล้มเจ้าบ้าง สื่อล้มรัฐบาลบ้าง

รศ.ดร.วิลาสิณี ยังเป็นผู้บริหารสถานี ในจังหวะที่การนำเสนอข่าวสารของไทยพีบีเอสผิดพลาดคลาดเคลื่อนจนต้องออกแถลงการณ์ขอโทษขอโพยสังคมถึงสามครั้งสามครา  โดยมีเสียงเรียกร้องจากสังคมไปถึงระดับผู้อำนวยการสถานีจะไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรเลยหรือ

ทว่าไม่มีสัญญาณตอบรับจากผอ.วิลาสิณี  นอกจากออกใบแถลงการณ์สามแผ่น  พร้อมกับใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหวเพื่อรอฟังคณะกรรมการการนโยบายลงมติให้กลับมาเป็นผอ.ไทยพีบีเอส อีกครั้ง ….

ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวต่อสายตาภายนอกที่จับตามองการทำงานในตำแหน่งผอ.ส.ส.ท.มาตลอดสี่ปีที่อยู่ในภาวะสาละวันเตี้ยลง

จึงไม่แปลกที่มีเสียงร้องดังขึ้นเรื่อยๆ ถ้ายังอยู่ในสภาพนี้ สมควรยุบสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ไปเลยดีหรือไม่  เพราะจากการบริหารภายใต้งบประมาณปีละ 2,800 ล้านบาท ดูจะเป็นการใช้จ่ายเงินอย่างไม่คุ้มค่าภาษีประชาชน เป็นสถานีโทรทัศน์เต็มไปด้วยดินแดนสนธยา

อย่างที่กล่าวถึงกระบวนการได้มาซึ่งผอ.สถานีไทยพีบีเอส ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ต่อข้อกล่าวอ้าง ดำเนินการคัดเลือกอย่างถูกต้องโปร่งใส เป็นธรรม จึงเสนอชื่อบุคคลซึ่งเคยยึดกุมไทยพีบีเอสมาก่อนกับผอ.องค์กรสะพานปลา เข้าประกวดรอบสุดท้าย

ถ้าให้เซียนมวยนำสองรายนี้มาเทียบชั้นเชิง มองออกตั้งแต่ไม่ขึ้นชกแล้วหล่ะว่า” ใครเป็นผู้ชนะ”

คุ้ยกันให้ลึกลงไปอีก กระบวนการต้นน้ำในการส่งชื่อขึ้นมาชิงตำแหน่งผอ.ไทยพีบีเอส ครั้งนี้ส่งกลิ่นโชยบางอย่าง ทั้งมีเรื่องร้องเรียนหึ่งไปถึงระดับผู้บริหาร  มีหรือที่คณะกรรมการนโยบายสถานีจะไม่รู้  และสมควรออกมาชี้แจง

เพราะนี่คือ องค์กรสื่อสาธารณะของประชาชน มิใช่ ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ชลบุรี ตำรวจ บก.ปทส. พร้อมเจ้าหน้าที่กรมอุตสาหกรรม นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบริษัทรีไซเคิล ในพื้นที่ตำบลคลองกิ่ว หลังชาวบ้านร้องกลัวว่าจะเป็นที่กักเก็บกากแคดเมียม
ตำรวจรวบตัว "3 ชาวจีน" ถูกทิ้งอยู่ข้างทาง หลังหนีการสู้รบจาก "เมืองเมียวดี" ลักลอบเข้าไทย
เด็ก "เจ๊แดง" ผงาด "จักรพล" ขึ้นแท่น "โฆษกรัฐบาล" ลุยทำงานเต็มสูบหลังโผครม.เศรษฐา 2 คลอด
ตำรวจสอบสวนกลาง รวบ "แม่เล้า" ริมฝั่งโขง ค้ากามเด็กสาวไทย-ลาว เตือนผู้ปกครองควรใส่ใจดูแลบุตรหลาน
“แม่น้องไนซ์” รอพบสำนักพุทธฯ เคลียร์ปมเชื่อมจิต ลั่นเตรียมฟ้องสื่อ 5 ช่อง เผยแพร่ข้อมูลเท็จ
3 จีนเทา หนีสู้รบ จากเมียวดีฯ ลอบเข้าไทยจะไปปอยเปตถูกนำมาปล่อยทิ้งข้างถนน
เมืองพัทยา คึกคัก กองเรือพิฆาตเทียบฝั่ง ทหารอเมริกันยกพลขึ้นบกท่องเที่ยว
ชาวเน็ตแห่แชร์ภาพคุณยายวัย 89 ปี อยู่คนเดียว สุดรันทดในบ้านไม้ผุพังไม่มีหลังคาบังแดดบังฝนวอนหน่วยงานเร่งช่วยเหลือ
"หมอธีระวัฒน์" แจ้งข่าวลาออก หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ รพ.จุฬาฯ หลังวิจารณ์ปมวัคซีนโควิด หวั่นกระทบภาพลักษณ์องค์กร
"รทสช." ยังไม่นิ่ง! สะพัด "เสี่ยเฮ้ง" รีเทิร์นคั่วเก้าอี้ "รมช."

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น