ในบรรดาข้อเสนอกลุ่มรีโซลูชั่น ( Re-Solution) ภายใต้การนำของ “เด็กชายไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ “บูดล้มเจ้า” ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าแต่ชอบทำตัวถอยหลัง ที่มี 4 เรื่องสำคัญคือ “ล้ม โละ เลิก ล้าง” ที่ประกอบด้วย 1.ล้มสภาสูงยกเลิกส.ว.ให้เหลือส.ส.สภาผู้แทนราษฎรแค่สภาเดียว 2.โละศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระต่างๆ 3.เลิกยุทธศาสตร์ชาติ ไม่ให้มีโรดแมพในการพัฒนาประเทศระยะยาว 20 ปี และ 4.ล้างมรดกของคสช. กำหนดโทษคนก่อการปฏิวัติรัฐประหาร ให้ประชาชนมีหน้าที่ในการต่อต้าน ข้าราชการทุกคนไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ศาลไม่ต้องรับรองความถูกต้องของคณะปฏิวัติ
ดูเหมือนส.ว.จะตกเป็นเป้าหมายแรกๆ เป็นเบอร์ต้นๆที่กลุ่มสามกีบล้มเจ้าหมายมั่นปั่นมือที่จะพิฆาตให้อาสัญเป็นหมุดหมายแรกของราชาสงครามเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะรู้และทราบดีว่าส.ว.เป็นฐานกำลังหลักเป็นฝ่ายสนับสนุนที่สำคัญของพล.อ.ประยุทธ์ หากล้มส.ว.ได้ก้าวต่อไปจะปลิดทิ้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯประเทศไทย แม่ทัพพิทักษ์ราชบัลลังก์ก็คงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร อย่าลืมว่าบทบาทส.ว.มีส่วนสำคัญอยู่ในทุกอณู นอกจากงานรูทีนอย่าง กลั่นกรองกฎหมาย ถ่วงดุลส.ส. ฯลฯ สภาสูงยังมีหน้าที่ เลือกนายกฯ แต่งตั้งตุลาการศาล-องค์กรอิสระ หน่วยงานต่างๆ ชี้เป็นชี้ตายกฎหมายสำคัญๆ ทั้งพ.ร.บ. ,พ.ร.ก., หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุนี้ฝั่งสามกีบล้มเจ้าจึงเห็นส.ว.เป็นมหาอุปสรรค เป็นจระเข้ขวางคลองของฝ่ายล้มเจ้า จึงพยายามมุ่งมั่นโจมตีส.ว.เป็นหลักระหว่างการอภิปรายชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญฉบับ (อ้าง) ประชาชนอย่างดุเดือดเผ็ดร้อน โดยเฉพาะเด็กชายไอติมกับบูดล้มเจ้าตั้งธงขย่มขุดรากถอนโคนส.ว.ให้เหี้ยนเตียน ในใจก็รู้ดีอยู่แล้วว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับ (อ้าง) ประชาชนเที่ยวนี้ ไม่มีทางผ่านสภาเพราะขึ้นต้นก็เสนอฟันคอส.ว.ตั้งแต่ก้าวแรก เนื้อหาเบื้องหลังก็หวังล้มเจ้า แต่ก็ขอใช้เวทีนี้ด่าส.ว.เอาคืนฝ่ายหนุนพล.ประยุทธ์ล้างแค้นที่ขบเหลี่ยมกันมาหลายครั้งหลายกรณี
วันชัย สอนสิริ ส.ว . ทนายคนดัง ดูจะให้คำจำกัดความร่างรัฐธรรมนูญฉบับ (อ้าง) ประชาชนนี้ได้ดีที่สุด ว่าเป็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “4ก” คือ “เกลียด-โกรธ-กลัว-เกิน” ” ยกร่างเกินไป เกินกว่าความจริง เกินลงกาไปมาก คณะผู้เสนอร่างด้วยความ เกลียดส.ว. เครือข่ายของระบอบประยุทธ์ และคนที่ตั้งส.ว. โกรธ โกรธศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีพรรคพวกตัวเอง แต่หากเป็นเครือข่ายอื่นจะโดนอีกแบบหนึ่ง กลัวยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทั้งที่ความจริงผู้ที่เกี่ยวข้องชี้แจงแล้วว่าสามารถแก้ไขได้ตามสถานการณ์ เกินไป มรดกรัฐประหาร ถ้าเลวร้ายก็ควรจะล้าง แต่สิ่งที่เสนอคือต้องการล้างทั้งคน ทั้งการกระทำ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นมรดก ถ้าเอาความคิดแบบนี้อาจต้องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทั้งหมด” ทนายคนดังสมาชิกสภาสูงชี้แจง
ความพยายามที่จะทำลายล้างส.ว.ของกลุ่มสามกีบล้มเจ้ามีมานานแล้ว มารอบนี้ก็รู้อยู่แล้วว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับ (อ้าง) ประชาชนไม่มีทางผ่านสภา รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 หมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก็ระบุชัด การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการ ต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบในการแก้ไขเพิ่มเติมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ซึ่งในจํานวนนี้ต้องมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา ชี้แจงให้ตายอธิบายจนลิงหลับ ก็ไม่มีทางที่ส.ส.และส.ว.เสียงข้างมากจะไปยกมือให้กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ (อ้าง) ประชาชนเต็มไปด้วยความเครียดแค้นฉบับนี้
อ้างชื่อประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 1.3 แสนคนเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับ (อ้าง) ประชาชน ได้สิทธิ์เข้าเป็นผู้ชี้แจงในสภาอันทรงเกียรติ แต่เด็กชายไอติม บูดล้มเจ้า กับพวกพ้องสาวกล้มเจ้า ดันเอาโอกาสนี้ไปประดิษฐ์ประดอยคำ ด่าส.ว.ว่าชั่ว อัดสภาสูงว่าเลว ตำหนิวุฒิสมาชิกรับใช้ระบอบประยุทธ์ ที่แต่ละคนกว่าจะมาถึงจุดนี้ ล้วนผ่านร้อนผ่านหนาว รับใช้ประเทศชาติมาอย่างโชกโชน ประกอบคุณงามความดีมาทั้งชีวิต ผิดกับพวกพ้องฝ่ายตัวเองย้อนอดีตกลับไปสมัยโทนี่ วู้ดซั่ม เรืองอำนาจ หากยังจำกันได้ดี ยุคนั้นมีการกำหนดให้วุฒิสภาต้องมาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 และดำรงตำแหน่งอยู่ในวาระยาวนานถึง 6 ปี (พ.ศ.2543-2549) 22 มี.ค. 2543 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง เลือกมา 200 คนอยู่ 6 ปี ส.ว.ชุดนั้นมีอำนาจมากมาย ทั้งแต่งตั้งองค์กรอิสระ ตรวจสอบ ถอดถอน เสนอกฎหมาย รวมถึงมีอำนาจคัดคานอำนาจของฝ่ายบริหารและสภาผู้แทนราษฎร ส.ว.ยุคเลือกตั้งสมัยแรกมีแต่พวกตัวกลั่นเกรดเอพรีเมี่ยมล้วนๆ ปราโมทย์ ไม้กลัด, ดำรง พุฒตาล,เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, โสภณ สุภาพงษ์,วัลลภ ตังคณานุรักษ์,แก้วสรร อติโพธิ์,สัก กอแสงเรือง , เสรี สุวรรณภานนท์ ฯลฯ
แต่ละคนล้วนเป็นส.ว.ฝั่งตรงข้ามเป็นก้างขวางคอทักษิณแทบทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ในช่วงนั้นส.ว.จึงเกิดปัญหาสัปยุทธห่ำหั่นกับระบอบทักษิณ สมุน บริวาร ส.ส.พรรคไทยรักไทย และส.ว.สายแม้วอยู่ตลอดเวลา ระยะหลังรัฐสภายุคทักษิณจึงเกิดกรณีแทรกแซงการทำหน้าที่ของส.ส.และส.ว.อย่างหนักหน่วง จนถูกนักข่าวตั้งฉายาส.ส. “ปลอกคอพันธุ์ชิน” กับ ส.ว.”สภาทาส” ช่วงนั้นตำแหน่งประธานวุฒิสภาอยู่ในกำมือของ สุชน ชาลีเครือ (พ.ศ.2547-2549 ) ที่เป็นเครือญาติของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ยุคสุชนนั้นทักษิณบริหารประเทศสมัย 2 แต่ก็เป็นช่วงตกต่ำของเสี่ยแม้วขาลงของพรรคไทยรักไทย สภามีบทบาทฉาวโฉ่หลายเรื่อง ตลอดระยะเวลาที่รับบทประมุขประธานสภาสูง ตั้งแต่ 5 มี.ค. 2547 ถึง 21 มี.ค. 2549 รวมเวลา 2 ปี 16 วัน แถมบวกเวลารักษาการไปอีกหลายเดือนจนถึง 19 ก.ย. 2549 ก่อนจะถูก “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รัฐประหาร ตลอดเวลาสภาสูงยุคสุชนรับใช้ทักษิณและครอบครัวไม่มีขาดตกบกพร่อง
จากนั้น 19 เม.ย. 2549 ขณะที่ทักษิณ ยังดำรงตำแหน่งรักษาการนายกฯ และพรรคไทยรักไทยยังมีอำนาจ ก็มีการเลือกตั้งสภาสูงครั้งที่สอง รอบนี้แหละที่ทักษิณสั่งแก้ทางแก้ลำปัญหากวนใจในสภาสูง ก่อนสั่งองคาพยพของพรรคไทยรักไทยให้ส.ส.บอกผู้แทนคัดคนใกล้ชิด ผัว เมีย ลูก พี่ น้อง สะใภ้ ญาติ ลงสมัครส.ว.ให้ครบทั้ง 76 จังหวัด ที่สุดพอผลการเลือกตั้งออกมา ประเทศไทยก็ได้ส.ว.วงศาคณาญาติ สภา “ผัว-เมีย” ผัวเป็นส.ส.เมียเป็นส.ว. เมียเป็นส.ส.ผัวเป็นส.ว. เครือข่ายผู้แทนคนใกล้ชิดส.ส.ชนะการเลือกตั้งได้เป็นส.ว.ยกกะบิ ที่สุดส.ว.ก๊วนนี้ก็มาผนึกกำลังกับส.ส.พรรคไทยรักไทยหนุนทักษิณให้อยู่ต่อ ก่อกรรมทำเข็ญทุจจริตกอบโกยผลประโยชน์สร้างความแตกแยกร้าวลึกให้กับบ้านเมือง จนเป็นหนึ่งในสาเหตุที่พล.อ.สนธินำมาอ้างสำหรับก่อการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ยึดอำนาจจากทักษิณ นั้นคือบทบาทของส.ว.ยุคโทนี่เดินงานตามใบสั่ง ผิดกับส.ว.ยุคนี้ที่ปกป้องผลประโยชน์ของบ้านเมืองเต็มกำลัง เป็นองครักษ์พิทักษ์สถาบันให้พ้นภัยพาลจากกลุ่มสามกีบล้มเจ้าอย่างแท้จริง
///////////////////////
