ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงถึงกรณีเตรียมเสนอร่างพ.ร.บ.แก้ประมวลกฎหมายอาญา เพื่อเพิ่มความผิดกับเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม ฐานบิดเบือนกฎหมาย โดยนายวรภพ กล่าวว่า ในฐานะทีมยกร่างแก้ไขกฎหมายประมวลอาญา เสนอร่างพ.ร.บ.แก้ป.อาญา ซึ่งจะเป็นการแก้ไขทั้งระบบตั้งแต่ต้นน้ำ คือพนักงานสอบสวน กลางน้ำคืออัยการ และปลายน้ำ คือตุลาการและผู้พิพากษา เพื่อทวงคืนความยุติธรรมกลับมาสู่สังคม ไม่ให้ประชาชนผิดหวังมากกว่านี้ ถ้ากฎหมายยังมีช่องโหว่และการตีความยังถูกบิดเบือน ทางฝ่ายนิติบัญญัติจึงควรเข้าไปแก้ไขกฎหมายนี้ เพื่อสร้างความยุติธรรม โดยจะยึดโมเดลของประมวลกฎหมายอาญาประเทศเยอรมนี หากพบว่าพนักงานสอบสวนบิดเบือนเพื่อให้คุณให้โทษแก่เจ้าทุกข์ให้ถือว่ามีความผิดด้วย ให้ดำเนินการตามหลักนิติรัฐคือใช้กฎหมาย เพื่อประชาชนไม่ใช่เพื่อคำสั่งนาย
ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับกลุ่มแกนนำคณะราษฎรที่ได้รับการประกันตัว แต่ขอตั้งคำถามว่ากระบวนการยุติธรรมกำลังเกิดอะไรขึ้น การได้รับการประกันตัวเป็นสิ่งที่น่ายินดี แต่ภายใต้การประกันตัวดังกล่าวมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น และความไม่เป็นธรรมเหล่านั้นจะเป็นที่มาที่ไป และมีความจำเป็นในการผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้ เพื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ด้วยการเพิ่มฐานความผิดในการบิดเบือนข้อกฎหมายของเจ้าพนักงาน ถือเป็นฐานความผิดใหม่ ไม่มีบัญญัติไว้ในกฎหมายของไทย พนักงานสอบสวน ซึ่งตรงนี้จะครอบคลุมพนักงานสอบสวน อัยการ ผู้พิพากษา ตุลาการ และผู้ว่าคดี
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเมื่อเวลาผ่านไป มีเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ไม่กระทำการให้เป็นไปตามกฎหมาย และมีการบิดเบือนหลายกรณี มีอคติบังตา ด้วยความเป็นมนุษย์จึงมีความรู้สึกส่วนตัว ซึ่งทำให้เกิด ความเสียหายต่อประชาชน และกระบวนการยุติธรรม คดีไม่กี่คดีอาจทำให้ประชาชนสิ้นศรัทธา ประกอบกับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่พ้นความเป็นส.สและรัฐมนตรี แม้ศาลจะรับข้อเท็จจริงกลาย ๆ ว่าร.อ.ธรรมนัส เคยถูกพิพากษาโดยศาลออสเตรเลีย แต่ศาลอ้างอำนาจอธิปไตยของประเทศ ทั้งที่ในระบบกฎหมายไทยก็ยอมรับระบบศาลต่างประเทศอยู่โดยเฉพาะกฎหมายยาเสพติด
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ล่าสุดจะเห็นได้จากการชุมนุมทางการเมืองที่ได้เรียกร้อง เรื่องการปฏิรูปสถาบัน ซึ่งคนถูกดำเนินคดีให้ความร่วมมือ และไม่มีพฤติการณ์หลบหนี แต่พบว่าในทางปฏิบัติกรณีศาลไม่ให้ประกันตัวหรือต้องยื่นกว่า 10 ครั้ง จึงจะได้ประกันตัว และศาลยังสร้างเงื่อนไขว่าจะต้องไม่พูดวิพากษ์วิจารณ์สถาบันและไม่เข้าร่วมการชุมนุมที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน เท่ากับว่าศาลตัดสินว่าคนเหล่านี้ผิดไปแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้มีการตัดสินคดีความ ดังนั้นการที่ศาลมีดุลยพินิจใช้อำนาจเช่นนี้ถามว่าใช้ฐานอะไรในการดำเนินคดีกับประชาชน จึงเป็นที่มาในการศึกษาเรื่องกฎหมายที่จะยื่นแก้ไข อย่างไรก็ตามพรรคก้าวไกลจะเสนอร่างกฎหมายสู่สภาผู้แทนราษฎรเร็ว ๆ นี้ หลังจากมีการประชุมพรรคเพื่อล่ารายชื่อ ส.ส. ในการเสนอกฎหมายฉบับนี้เป็นก้าวย่างสำคัญในกระบวนการยุติธรรม ขอให้สังคมให้การสนับสนุนกฎหมายดังกล่าวด้วย