นายแพทย์อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศบค. กล่าวถึงว่าในวันนี้ที่ประชุมจะมีการประเมินสถานการณ์หลังผ่อนคลายมาตรการ 2 สัปดาห์ ว่าส่วนตัวมีความกังวลจากสถิติการติดเชื้อรายใหม่ยังอยู่ที่ 6,000-7,000 รายตลอดโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ยังอยู่ที่ 700-800 คนยังไม่ลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาจสามารถที่จะอาจจะสามารถพุ่งเพิ่มขึ้นอีกได้ จึงขอฝากประชาชนและผู้ประกอบการช่วยดูแล ตามมาตรการครอบจักรวาลของสาธารณสุขรวมถึงลูกค้าและผู้ใช้บริการด้วยสงสัยว่ามีความเสี่ยงหรือมีอาการให้รีบตรวจ ATK จะได้แยกตัวไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อได้
นายแพทย์อุดม ระบุว่าที่สำคัญคือเรื่องวัคซีนจะเป็นตัวช่วยได้ ซึ่งขณะนี้เมื่อดูตัวเลขผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงใส่ท่อช่วยหายใจหรือตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลงมาถึงจุดหนึ่งแล้ว และตามแผนการฉีดวัคซีนที่ 70 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากร อยู่ที่ 70 ล้านคน แต่เป้าหมายต้องการที่ 100 ล้านโดส เดิมประกาศแผนไว้ว่าจะให้ครบ 100ล้านโดสสิ้นเดือนธันวาคม แต่ตอนนี้จะต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดสภายในสิ้นเดือนนี้ให้ได้ โดยขณะนี้เข็มที่ 1 ยอดการฉีดยังเหลืออีก 5.2 ล้านคนจะครบ จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนไปฉีดวัคซีนโดยพบว่าผู้สูงอายุหลายคนยังลังเลอยู่ ซึ่งคาดว่าในเดือนธันวาคมจะอยู่ที่ 80 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรเกินเป้าหมายที่วางไว้ ยืนยันว่าวัคซีนช่วยลดอัตราการตายได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้ที่เสียชีวิต 70 – 80% ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวซึ่งกลุ่มนี้เป็นผู้มีความเสี่ยงสูง
นอกจากนี้นายแพทย์อุดม ยังกล่าวว่าในที่ประชุมวันนี้จะมีการเสนอให้ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นเพื่อให้ประเทศเดินไปได้ทั้งคนไทยและต่างชาติจะได้ร่วมเฉลิมฉลองในเทศกาลปีใหม่ได้อย่างเต็มที่แต่ต้องไม่ลืมว่าต้องช่วยกันปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามมาตรการสาธารณสุข สวมแมส เว้นระยะห่าง
ทั้งนี้พบว่ามีคลัสเตอร์งานกฐินและงานศพเกิดขึ้น มีทุกวันในหลายจังหวัดเช่นเดียวกับงานลอยกระทงที่จะมาถึงก็เป็นการรวมกลุ่มคนเป็นจำนวนมาก ซึ่งเข้าใจว่าทุกคนอยากจะเข้าร่วมงานรื่นเริง โดยรัฐบาลไม่ได้ห้ามแต่ขอให้ช่วยกันระมัดระวัง เพราะกลัวว่าจะไม่ได้ฉลองปีใหม่ อยากให้ทุกคนได้เฉลิมฉลอง
ส่วนข้อเสนอให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยลดขั้นตอนการตรวจคัดกรองโควิดจาก RT-PCR มาเป็น ATK เนื่องจากจะทำให้เกิดความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นซึ่งมีข้อมูลตัวอย่างจากประเทศอังกฤษแม้จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากแต่ก็ยังลดขั้นตอนการตรวจให้ทราบผลตรวจภายใน 3-5 ชั่วโมง โดยเจ้าหน้าที่กำลังศึกษาการใช้เครื่องตรวจโดยใช้น้ำลาย ในแบบของญี่ปุ่นที่ใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งจะรู้ผลภายในครึ่งชั่วโมง ซึ่งโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้สั่งซื้อเครื่องดังกล่าวมาแล้ว 4 เครื่อง ได้ผล 98-99% ได้ผลเร็วกว่าและราคาถูกกว่า ที่ 550 บาท ขณะนี้รัฐบาลกำลังพิจารณานำเข้าเครื่องนี้มาใช้ตรวจผู้ที่เดินทางเข้าประเทศทั้งคนไทยและต่างชาติ
ส่วนเรื่องมาตรการผ่อนคลายสถานบันเทิงนั้นนายแพทย์อุดมเปิดเผยว่า ศบค.เข้าใจว่าสถานบันเทิง ยังไงก็ต้องเปิด แต่ตอนนี้ขอให้เตรียมการให้ดีก่อนเรื่องที่มีปัญหามากการถ่ายเทอากาศ จึงจะต้องให้กระทรวงสาธารณสุขและกทม.ไปดำเนินการตรวจมาตรการเรื่องนี้ก่อน พร้อมกันนี้เข้าใจถึงการเว้นระยะห่างภายในสถานบันเทิงค่อนข้างยาก เพราะเมื่อดื่มสุราก็ต้องเสียงดัง ต้องพูดคุยและร้องเพลงกัน แต่หากมีการถ่ายเทอากาศเหมือนในเครื่องบินก็จะช่วยให้มีโอกาสติดเชื้อน้อย
นายแพทย์อุดม ย้ำว่า สถานบันเทิงจะต้องเปิดอย่างแน่นอนแต่ขอให้มีการเตรียมการ ตรวจสถานที่ให้เรียบร้อยก่อน คาดว่าจะเปิดหลังปีใหม่ เพราะหากเปิดตอนนี้อาจจะไม่เกรงว่าไม่ได้ฉลองปีใหม่กันเพราะเรามีบทเรียนมาแล้วจาก 2 คลัสเตอร์ ใหญ่สถานบันเทิง ขอให้ประชาชนใจเย็นๆอย่างไรแล้วให้เปิดแน่นอน ที่สุดซึ่งการเตรียมสถานที่จะต้องได้รับมาตรฐาน SHAพลัสให้ได้มาตรฐานก่อนจะเปิดเพื่อให้ทุกคนความปลอดภัย