โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่ “ผีแดง” ต้องเจอโปรแกรมสุดโหดเตะวันเว้นวันทำให้เกมนี้ต้องโรเตชั่นปรับทีมด้วยการเปลี่ยนถึง 10 ตำแหน่งแนวรุกให้ ฆวน มาต้า ปั้นเกมร่วมกับ อาหมัด ดิยัลโล่, อ็องโตนี่ เอล็องก้า และให้เมสัน กรีนวู้ดเป็นหน้าเป้า
นาทีที่ 10 เลสเตอร์ ซิตี้ บุกมาขึ้นนำผีแดง 1-0 จากจังหวะลุค โธมัส วิ่งมาแปจังหวะเดี่ยวย้อนไปเสาสองเสียบสามเหลี่ยมสุดงาม
นาที 16 แมนฯยูไนเต็ด มาตามตีเสมอ 1-1 หลังอาหมัด ดิยัลโล่ แย่งบอลไปได้ก่อนหลุดเข้าไปปาดเข้ากลางให้ เมสัน กรีนวู้ด หักเลียดด้วยขวาผ่าน แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เสียบเสาไกลอย่างสวยงาม
นาที 66 “จิ้งจอกสยาม” ที่บุกกดดันได้มากกว่ามาพังประตูชัยได้สำเร็จ จากจังหวะลูกเตะมุมทางขวา คลาการ์ โซยุนคู ขึ้นเบียด มาติช โขกบอลเข้าไปตุงตาข่ายให้ทีมขึ้นนำเจ้าบ้าน2-1
จบเกม แมนฯยูไนเต็ด แพ้คาบ้านให้ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-2 ส่งผลให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ การันตีแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ทันที เนื่องจากเหลือโปรแกรมอีก 3 นัด แต่แต้มขาดลอย 10 คะแนนแล้ว
การคว้าแชมป์ครั้งนี้ ของ“เรือใบสีฟ้า” ถือเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 5 นอกจากนี้ยังถือเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 3 ของ เป๊ป กวาดิโอล่า กุนซือชาวสเปนในรอบ 4 ปี นอกจากนี้ยังเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 7 อีกทั้งยังเป็นแชมป์ที่ 2 ในซีซั่นนี้ต่อจาก คาราบาว คัพ โดย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงมีลุ้นอีกหนึ่งถ้วยพร้อมทำทริปเปิ้ลแชมป์ คือในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่จะชิงกับ เชลซี ในวันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคมนี้
ด้าน เป๊ป กวาดิโอล่า กล่าวถึงการพาเรือคว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ปีว่า “นี่คือฤดูกาลพรีเมียร์ลีกที่ไม่เหมือนแต่ก่อน นี่คือฤดูกาลที่ยากที่สุด เราจะจดจำไปตลอด ถึงวิธีการที่เราได้แชมป์นี้มา ผมภูมิใจที่ได้เป็นผู้จัดการทีมให้กับนักเตะกลุ่มนี้” “พวกเขาพิเศษมาก ตลอดทั้งฤดูกาล – กับข้อจำกัด และความยากลำบากทุกอย่างที่เราพบเจอ – และความต่อเนื่องของพวกเรานั้นมันน่ามหัศจรรย์จริง ๆ”
ส่วนสถานการณ์ลุ้นพื้นที่แชมเปี้ยนลีกส์ต้องลุ้นกันจนนัดสุดท้าย อย่างมันส์ หลังเลสเตอร์ ซิตี้ แข่ง 35 นัด มี 66 คะแนน เชลซีแข่ง 34 นัด มี 64 คะแนน เวสต์แฮม แข่ง 35 นัด มี58 คะแนน ลิเวอร์พูลแข่ง 34 นัดมี 57 คะแนน
///////////////////////