นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าการกระทำของ 3 แกนนำผุ้ชุมนุมปราศรัยเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เพื่อเสนอข้อเรียกร้อง 10 ข้อเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขว่า เรื่องนี้ในนามพรรคเพื่อไทย ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีความละเอียดอ่อนมาก โดยได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคศึกษารายละเอียดในคำวินิจฉัยอย่างละเอียดก่อนที่จะมีท่าทีออกไป แต่คำวินิจฉัยใด ๆ ก็แล้วแต่ก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป ทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง โดยเฉพาะประเด็นที่มีความเห็นต่างเป็นที่เผยแพร่ในสื่อมวลชนว่าเป็นไปตามคำร้องหรือไม่ และเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมหรือไม่ มีการพิจารณาครบถ้วนรอบด้านหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องการไต่สวนผู้ถูกร้องหรือพยานที่เป็นประเด็นอยู่ สิ่งเหล่านี้เองในระบบบ้านเราคำวินิจฉัยรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่ผูกพันทุกองค์กรก็นำมามาสู่การปฏิบัติ มันเป็นเสมือนการเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้ปรึกษากันและเป็นห่วงคือมันจะนำไปสู่ความแตกแยกหรือไม่อย่างไร หรือจะมีเหตุอะไรบานปลายหรือไม่ เป็นข้อมูลใหญ่ของเรา เราไม่ได้โต้แย้งหรือขัดแย้งใด ๆ กับคำวินิจฉัย นี่คือความห่วงใยของผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประเด็นข้อห่วงใยเกี่ยวกับนักเรียน นักศึกษาที่เป็นผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งก็เป็นห่วงอนาคตของเขาเพราะสิ่งที่เขาแถลงคือเขาไม่เห็นด้วยหรือไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล ฉะนั้นประเด็นเหล่านี้จะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต เราเองมุ่งหวังว่าความห่วงใยของเราอยากให้ทุกฝ่ายและทุกคนมาช่วยกันคิด ช่วยกันติดตาม ใช้สติปัญญาช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศ สร้างพื้นที่ปลอดภัยเหมือนที่พรรคเพื่อไทยกำลังทำอยู่ในขณะนี้ที่ได้ส่งญัตติให้สภาฯพิจารณาตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ตามกระบวนการยุติธรรม น่าจะเป็นทางออกได้
เมื่อถามว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะกระทบกับสิ่งที่พรรคเพื่อไทยดำเนินการอยู่หรือไม่ ที่ประกาศเป็นสะพานเชื่อมแก้ไขกฎหมายมาตรา 116 และมาตรา 112 ในสภาฯ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่กระทบ เพราะสิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้เสนอญัตติเข้าสภาฯนั้นมาจากข้อเสนอของกลุ่มพลเมืองเพื่อผู้ต้องขังทางการเมืองที่มีวัตถุประสงค์ชัดว่าให้ช่วยเหลือผู้ต้องขังทางการเมืองให้ได้รับสิทธิในการประกันตัว ไม่เกี่ยวกับเรื่องล้มล้างสถาบันใด ๆ เลย ในส่วนนี้มีความชัดเจนว่าเมื่อเรารับข้อเสนอมาแล้วและพรรคตั้งกรรมการติดตามเรื่องนี้ สิ่งที่เราทำไปแล้วคือการยื่นญัตติด่วนให้สภาฯ ช่วยพิจารณาตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมา โดยจะพิจารณาเรื่องของสิ่งที่เป็นปัญหาต่างๆ เช่นกระบวนการการบังคับใช้กฎหมายว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ การให้สิทธิประกันตัวตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะไม่ปล่อยตัวชั่วคราวมีเรื่องเดียวคือเกรงว่าจะหลบหนีเท่านั้น ไม่มีประเด็นอื่น แต่ขณะนี้มีเทคโนโลยีใหม่คือกำไลอีเอ็มก็ใช้ได้ ฉะนั้นเรื่องพวกนี้สามารถเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาฯได้ เพื่อมีข้อเสนอให้รัฐบาลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป เพื่อช่วยให้คนรุ่นใหม่ที่ถูกจับก็จะเป็นการยับยั้งไปและอ้างสิทธิ์ตามรับธรรมนูญ ซึ่งเราไม่ได้บังคับศาล เพราะการวินิจฉัยคำพิพากษาทางคดีเราก้าวล่วงไม่ได้ แต่ก้าวล่วงกระบวนการได้ ไม่เกี่ยวกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้กระทั่งคนจะยื่นแก้มาตรา 112 การดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต้องดูองค์รวม ไม่ใช่ดูเฉพาะประเด็น