แม้พยายามจะทำให้พรรคพลังประชารัฐสงบ เพื่อให้รัฐบาลนิ่งไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไปกับสถานการณ์ทางการเมืองที่มีขึ้นมีลง แต่ต้องยอมรับชะตากรรมของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับลิงแก้แหคือยิ่งแก้ยิ่งวุ่น แก้เรื่องนึงก็เกิดอีกเรื่องนึงตามมาไม่หยุดหย่อน ล่าสุดก็เป็นเรื่องสภาล่มองค์ประชุมไม่ครบ ถือเป็นปัญหาโลกแตกที่ทุกรัฐบาลต้องประสบทุกยุคสมัยต้องเจอ ผู้นำรัฐบาลก็ต้องแก้ไขปัญหากันไป
ก่อนหน้านี้คนที่ถือหางเสือคุมเกมส์ในสภาก็คือวิรัช รัตนเศรษฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ที่ฝีไม้ลายมือชื่อชั้นบารมีความเขี้ยวลากดิน แทบไม่ต้องพูดถึงไม่ต้องกังวล อดีตดีกรีเลขาฯประจำตัว “เติ้งเสี่ยวหาร” บรรหาร ศิลปอาชา สมัยเป็นนายกฯ หนำซ้ำเป็นลูกพี่ทางการเมืองเป็นกุนซือของ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เหลี่ยมคูทางการเมืองชั่วโมงบินไม่เป็นสองรองใคร แต่สี่เท้ายังรู้พลาดนักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ล่าสุดก็มาตายน้ำตื้นหลังถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประทับรับฟ้องกรณีมีเอี่ยวทุจริตสร้างสนามฟุตซอล ที่สุดเลยต้องหยุดการทำหน้าที่ส.ส. การเมืองในสภาที่ง่อนแง่นอยู่แล้วเลยยิ่งร่อแร่ไปใหญ่
” ทั้งหมดคงไม่ใช่ประธานวิปรัฐบาลเพียงคนเดียว วิปของทุกพรรคการเมืองต้องร่วมมือกัน เวลาที่บ้านเมืองกำลังลำบาก ประชาชนกำลังเดือดร้อน มันไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ความขัดแย้งก็สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ แต่ถ้าทุกคนหันหน้ามาพูดคุยกันในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ร่วมมือกันทำงาน …ประเทศไทยก็คงไปไหนโลดแล้ว ผมว่านะ ” นายกฯกล่าว
ก่อนระบายความในใจปัญหาเสียงในสภา “ ถ้าถามว่าสบายใจหรือไม่ อย่าลืมว่าผมควบคุมอะไรในสภาไม่ได้ ผมควบคุมเองไม่ได้และไม่ได้เป็นคนคุมและบอกมาตลอดว่าเป็นเรื่องของวิป ทางวิปฝ่ายรัฐบาล และวิปฝ่ายค้าน ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง เรื่องไหนสำคัญเรื่องไหนจำเป็นต้องออก อันไหนที่เป็นกฎหมายที่จะเพิ่มขีดความสามารถทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจและสังคม สิ่งแวดล้อมหรือการศึกษา รวมทั้งการปฏิรูปต่างๆเหล่านี้มันต้องออก ไม่ใช่จะบอกว่าไม่ออกเพื่อให้รัฐบาลล้ม ผมว่าใจร้ายกับประเทศเกินไป ” พล.อ.ประยุทธ์เปิดใจ พร้อมโยนเผือกร้อนป้อนสาเหตุสภาล่มเพราะโดนพรรคฝ่ายค้านวางยาไม่ยกมือไม่แสดงตัวให้นับองค์ประชุม
ความจริงกลเกมส์ในสภาก็เป็นเรื่องปกติของพรรคฝ่ายค้านอยู่แล้ว ที่ต้องวางแผนเดินเกมส์หากลยุทธ์มาตีรวนรัฐบาลเพื่อลดความน่าเชื่อถือในการบริหารประเทศ ทุกยุคทุกสมัยฝ่ายค้านฝ่ายแค้นก็ทำแบบนี้ แต่ในฐานะผู้นำรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องกำชับพรรคร่วมหวดก้นส.ส.ฝ่ายตัวเอง ให้รู้จักรับผิดชอบทำหน้าที่ในสภา ให้สมกับที่ปวารณาตัวเป็นผู้แทนเป็นปากเป็นเสียงให้กับชาวบ้าน ครั้นจะมายืมจมูกคนอื่นหายใจยืมมือชาวบ้านช่วยยกกฎหมายให้ผ่านช่วยยืนยันองค์ประชุมไม่ให้สภาล่มอันนั้นก็ใช่เรื่อง ล่าสุดพล.อ.ประยุทธ์ขอวางตัวนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ 4 สมัยเป็นหัวเรือใหญ่คุมเกมส์ในสภาแทนวิรัช ด้านนึงก็ช่วยดูไม่ให้เกิดการวางยาวางแผนล้มนายกฯเหมือนครั้งศึกซักฟอกอีก อีกด้านก็ถือไม้เรียวหวดก้นส.ส.ไม่ให้ขาดประชุมพาลทำสภาล่มอีก งานนี้ต้องดูว่าฝีมือนิโรธจะเก่งเหมือนปากตอนทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์ตู่ในสภาหรือไม่
นอกจากนิโรธจะถูกลุงตู่วางตัวเป็นแม่ทัพใหญ่สู้ศึกในสภาแล้ว ยังมีข่าวใหญ่ว่าพล.อ.ประยุทธ์ได้ 2 ขุนศึกใหญ่ฝ่าย “บุ๋น-บู๊” คนนึงเป็นอดีตข้าราชการใหญ่ฝ่ายปกครอง อีกคนเป็นอดีตสีกากีเบอร์ต้นของกรมตำรวจปทุมวัน ทั้งคู่จะเข้ามาเป็น “ตัวช่วย” เพิ่มอาวุธในมือให้กับพล.อ.ประยุทธ์ คนแรกคือ “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดมหาดไทย คนที่สองคือ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตพิทักษ์ 1 โดยทั้ง 2 คนเตรียมเข้ามาเสริมเขี้ยวเล็บเพิ่มบารมีให้กับพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะการเข้ามาเป็นทีมประยุทธ์ก๊วนลุงตู่เป็นกำลังสำคัญของนายกฯ ในการรับมือกับศัตรูทั้งในและนอกพรรค
อย่าลืมว่าชื่อของปลัดฉิ่งกับบิ๊กแป๊ะนั้นเป็นแม่เหล็กในแวดวงการเมืองที่ทุกพรรคอยากได้ไป ก่อนหน้านี้ฉัตรชัยนั้นเป็นมือวางอันดับ 1 ที่พี่กลางบูรพาพยัคฆ์อย่าง “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย วางตัวให้มาช่วยเหลือลุงตู่หลังเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย. ที่ผ่านมาอยู่แล้ว ถึงขนาดตั้งพรรคสำรองเป็นก็อก 2 รอไว้แล้ว หากพล.อ.ประยุทธ์เกิดไปต่อกับพรรคพลังประชารัฐไม่ไหว ถึงขั้นแยกทางกันเดินปลัดฉิ่งก็มีพรรคอะไหล่รอหนุนอุ้มพล.อ.ประยุทธ์ไว้อยู่แล้ว ขณะที่ฝ่ายของบิ๊กแป๊ะแม้ตั้งใจจะลงผู้ว่าฯหวังช่วงชิงเก้าอี้พ่อเมืองรัตนโกสินทร์ แต่อุปสรรคมันเยอะนายไม่หนุนพี่ไม่ช่วยน้องไม่รักไร้พรรคเป็นแบ็ก แถมยังไม่รู้ว่าเลือกตั้งผู้ว่าฯจะเลือกกันตอนไหนปีอะไร หาเสียงแจกของคนกรุงอยู่ไปเรื่อยๆแบบนี้มีหวังเข้าเนื้ออดตายไร้อนาคต ด้วยเหตุนี้เลยตัดใจทิ้งเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ทั้งๆหาเสียงลงพื้นที่มานานแรมปี ขอมาลุ้นแจ้งเกิดในสนามใหญ่น่าจะมีลุ้นมากกว่าไปเบียดเก้าอี้กับ “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม.ปัจจุบัน รวมถึงตัวเก็งเต็งหามอย่าง “เสี่ยทริป” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรมว.คมนาคม
รอบนี้ข่าวว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์มีลุ้นการเมืองระดับชาติแบบยาวๆ กระแสหนึ่งบอกว่าเข้ามาเป็นตัวช่วยในพรรคพลังประชารัฐ หลังถูก ร.อ.ธรรมนัสที่เพิ่งออกมาให้ข่าวว่ารักใคร่สนิทสนมกันดีกับบิ๊กแป๊ะปะหนึ่งคอหอยกับลูกกระเดือกวางตัวเป็นทายาท หวังปั้นขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนต่อไป ชูเป็นมวยแทน “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ 3 ป.ที่ ณ เวลานี้โรยราเต็มที อีกฝากก็บอกว่าพล.อ.ประยุทธ์จะเอามานั่งคุมพรรคก่อนจะดันขึ้นเป็นรัฐมนตรีโควต้าไทยคู่ฟ้าในการปรับครม.อันใกล้ อีกกระแสบอกว่าทั้งคู่ขอช่วยลุงตู่อยู่ข้างนอกพรรคพลังประชารัฐ เพราะเตรียมจับมือกับปลัดฉิ่งไปอยู่ด้วยกันที่พรรคใหม่สบายใจกว่า พี่แป๊ะเป็นหัวหน้าพรรคพี่ฉิ่งเป็นคนคุมเงินคอนโทรลเกมส์ เท็จจริงอย่างไรอีกไม่นานคงได้รู้กัน
//////////////////
