วันที่ 31 ต.ค. 64 บรรยากาศงานฌาปนกิจ นายวาฤทธิ์ สมน้อย เยาวชนอายุ 15 ปี ที่วัดน้อยสุวรรณนาราม หรือวัดคลองเก้า ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ศาลา 3 มีนักการเมือง อาทิ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาชาติ/นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทยนายวุฒินันท์ บุญชู/ พรรคก้าวไกล/นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยและนอกจากนี้ยังมี นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้หัวหน้ากลุ่มการ์ดวีโว่ อีกทั้งยังมีมวลชนจากหลายกลุ่มก้อน อาทิ กลุ่มราษฎร และ กลุ่มทะลุแก๊ส เข้าร่วมโดยมีการเคลื่อนขบวนศพในเวลาประมาณ 09.15 น. ขณะที่ผู้เข้าร่วมงานทุกคนต่างใส่เสื้อสีดำที่แสดงสัญลักษณ์ของกลุ่มชู 3 นิ้วและร้องเพลงประจำกลุ่มม็อบเพื่อเป็นการร่วมไว้อาลัยแก่ นายวาฤทธิ์ด้วย
ภายหลังจากได้ประชุมเพลิงแล้วเสร็จ นายปิยรัฐ หรือ โตโต้ได้ขึ้นบนรถกระบะที่ติดเครื่องขยายเสียง ให้สัญญาจะนำรายชื่อผู้สูญเสียทั้งหมดขึ้นศาลของประชาชน เพื่อหาคนรับผิดชอบทั้งผู้สั่งการและผู้บังคับบัญชาที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด อีกทั้งยังประกาศเชิญชวนมวลชนให้ไปร่วมกิจกรรมไว้อาลัยนายนวมทอง ไพรวัลย์ หรือลุงนวมทอง ที่ผูกคอกับราวสะพานลอย จากการชุมนุมทางการเมือง บริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิต หน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เวลา15.00.และ ม็อบ31ตุลาคม’ราษฎรประสงค์ ที่จะเริ่มเวลา16.00 น. ด้วย เพื่อทวงหาความยุติธรรมร่วมกัน
จากนั้นนพ.ทศพร ได้ร่วมถ่ายรูปเป่าออแกนเพลงเพื่อมวลชนและไว้อาลัยและได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวท็อปนิวส์ว่า ตนเองและครอบครัวของนายวาฤทธิ์รู้สึกเศร้าเสียใจ โดยมองว่าการต่อสู้เรียกร้อง ไม่ควรที่จะมีฝ่ายไหนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดย นายวาฤทธิ์เป็น 1 ใน 6 ที่ถูกยิงจากกระสุนจริงในช่วงการชุมนุมตลอดปีที่ผ่านมา และได้มีการยื้อชีวิตอย่างเต็มที่ตลอด 2 เดือน โดยมองว่าคู่ขัดแย้งของประชาชน คือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไม่ใช่ตำรวจจึงอยากให้มีการประนีประนอมแต่ใช้สันติวิธีในการพูดคุย ขณะที่ในวันนี้ส่วนตัวจะลงพื้นที่ที่ราชประสงค์เพื่อดูแลในด้านการพยาบาลให้กับคณะราษฎรด้วย
ด้านน.ส.นิภาพร สมน้อย แม่ของผู้เสียชีวิตได้เปิดใจกับทีมข่าวท็อปนิวส์ทั้งน้ำตาว่าอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับครอบครัวและลูกชายหาคำพูดมาเปรียบความรู้สึกไม่ได้ เราเป็นผู้สูญเสียและตลอด 2 เดือนน้องเองก็ทรมานมามากแล้วครอบครัวอยากให้คดีนี้มีความกระจ่างมากที่สุด ให้หน่วยงานเข้ามาตรวจสอบแม้ระหว่างน้องรักษาตัวมามีการแจ้งว่าจับกุมคนร้ายได้แต่ไม่ทราบว่าเป็นตัวจริงหรือไม่ เนื่องจากคนร้ายให้การภาคเสธว่าไม่ได้เป็นคนยิงและขณะนี้น้องเสียชีวิตแล้วกระสุนจึงได้ถูกผ่าออกมาอยู่ที่กองพิสูจน์หลักฐานจึงเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องสืบพยานหลักฐานเพิ่มเติม และครอบครัวยืนยันจะดำเนินการให้ถึงที่สุดเพราะแม่เสียลูกไปทั้งคนต่อให้อยากอโหสิกรรมมากแค่ไหน แต่ลูกแม่เสียไปแล้ว แม่เอาชีวิตเขากลับมาไม่ได้แล้ว แล้วมองว่าไม่สมควรใช้ความรุนแรงตั้งแต่ต้นเนื่องจากต้องเคารพสิทธิส่วนบุคคลที่จะออกมาแสดงความเป็นประชาธิปไตยและมองว่าความรุนแรงไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลยแม้กระทั้งแก๊สน้ำตาหรือกระสุนยางด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่า บรรยากาศภายในงานผู้เข้าร่วมงานเป็นไปด้วยความโศกเศร้าแต่มีบุคคลบางคนพยายามประกาศออกไมค์ว่า “หากทะลุแก๊สอยากจุดพลุสามารถไปจุดหน้าวัดได้’” อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เจ้าหน้าที่วัดต้องประกาศว่าขอให้เกียรติสถานที่และขออย่าจุดพลุหรือปะทัดภายในวัด โดยตลอดงานก็ไม่พบมีการก่อเหตุความวุ่นวายหรือจุดประทัดแต่อย่างใด