ในการประชุม มีกรรมการบริหารพรรค รวมถึงส.ส.พรรคพลังประชารัฐกว่า 120 คน ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ นั่งหัวโต๊ะ เพื่อเปิดเวทีให้กรรมการบริหารพรรคและส.ส. ได้แสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง เพื่อให้มีการเคลียร์ใจกัน ว่ามีเรื่องใดไม่สบายใจหรือมีปัญหาที่อยากพูดคุย ทำให้มีส.ส.หลายคนเปิดใจกล้าที่จะพูด บางคนไม่กล้าพูดก็จะเขียนใส่กระดาษส่งมาถึงหัวหน้าพรรค
โดยเรื่องที่พูดคุยกัน มีทั้งเรื่องการไม่ช่วยสนับสนุนเงินในการลงพื้นที่ทั้งๆที่มีการเบิกงบไปแต่เงินมาไม่ถึงตัวส.ส. เรื่องการทำโพลสำรวจทำให้เกิดความแตกแยก ซึ่งเรื่องโพลในวงประชุมได้พูดกันเป็นเวลาพอสมควรเนื่องจากมีการขอเบิกงบ 300 ล้านบาทตามที่เป็นข่าวออกมาแล้ว และพลเอกประวิตร ยืนยัน ในที่ประชุมชัดเจนว่าไม่ได้สั่งให้ทำโพล
จากนั้นมีกรรมการบริหารพรรคคนหนึ่ง เป็นคนพูดเปิดเรื่องการเมืองขึ้นมา ว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐมนตรี มีการล็อบบี้ส.ส.ให้ล้มนายกฯในสภาเกิดขึ้นจนเป็นสาเหตุทำให้รัฐมนตรีช่วย 2 คนถูกปลดออกจากตำแหน่งและเป็นประเด็นปัญหามาจนถึงวันนี้ที่ต้องมาพูดคุยกันถึงเรื่องปรับโครงสร้างบริหารพรรคใหม่เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันในการบริหารงานของรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีคือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และในฐานะพรรคพลังประชารัฐที่เป็นพรรครัฐบาล
จนทำให้ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคฯ ที่นั่งติดกัน ขอชี้แจงบ้าง แต่เหตุผลเมื่อฟังดูแล้วก็ยังดูข้างๆคูๆฟังไม่ขึ้น ซึ่งในเรื่องดังกล่าวทำให้เกิดการโต้เถียงตอบโต้กันไปมาค่อนข้างดุเดือด บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด
ทั้งนี้พลเอกประวิตร พูดกลางที่ประชุม ว่า ขอให้ทุกคนอย่าเอาความขัดแย้งส่วนตัว หรือผลประโยชน์ส่วนตัว มาทำให้พรรคเกิดความแตกแยกด้วยและขอให้ยึดผลประโยชน์ของพรรคและประชาชนประเทศชาติมาเป็นหลัก หลังจากนี้ขอทุกคนสร้างความรักสามัคคีกัน เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐเป็นสถาบันการเมืองที่ประชาชนยอมรับและไว้วางใจให้ได้ต่อไป ถ้ายังทะเลาะกันไม่เลิก พลเอกประวิตรขู่ลาออก และเลิกเล่นการเมือง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจไปตั้งพรรคใหม่ ทำให้ทุกคนยุติ คาดว่า กรรมการบริหารพรรคอาจจะยังคงเป็นชุดเดิมต่อไป
โดยต้องรอติดตามผลการประชุมช่วงบ่ายวันนี้