ลากไส้ “กัมพูชา” ส่งหนังสือถึง “บิ๊กเล็ก” เจตนาดึง AOT ร่วมเวที GBC หวังสร้างเงื่อนไขใหม่ สกัดไทยทำลายสแกมเมอร์ ไม่ใช่ “หยุดยิงจริง”

ชำแหละ! หนังสือ 'เตีย เซ็ยฮา' พยายาม 'รีเซ็ตเกม' ในจังหวะที่กัมพูชาเสียเปรียบ

ลากไส้ “กัมพูชา” ส่งหนังสือถึง “บิ๊กเล็ก” เจตนาดึง AOT ร่วมเวที GBC หวังสร้างเงื่อนไขใหม่ สกัดไทยทำลายสแกมเมอร์ ไม่ใช่ “หยุดยิงจริง” – Top News รายงาน

กัมพูชา

 

 

เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2568 จากกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้มีหนังสืออย่างเป็นทางการถึง รมว.กลาโหมของไทย เพื่อแสดงความประสงค์ในการเจรจาหยุดยิงผ่านกลไกคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) โดยไทยย้ำว่าต้องพิสูจน์ความจริงใจผ่าน 3 เงื่อนไขเหล็ก ก่อนลงนามสันติภาพในวันที่ 27 ธ.ค. 68 ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

ด้านสื่อเขมรปฏิเสธข่าวขอหยุดยิง อ้างหนังสือ “เตีย เซ็ยฮา” ส่งถึง รมว.กลาโหมของไทย เพื่อสนับสนุนการประชุม GBC ให้เป็นไปตามแถลงการณ์ของประธานอาเซียนเมื่อ 22 ธ.ค.เท่านั้น ชี้ฝ่ายไทยแพร่ข้อมูลคลาดเคลื่อนกระทบความเข้าใจของสาธารณะต่อท่าทีที่แท้จริงของกัมพูชา

 

กัมพูชา

 

ต่อมา พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รมว.กลาโหมกัมพูชา โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ตอบโต้ว่า ไม่ได้ขอไทยหยุดยิง แต่สื่อไทยแปลเอกสารผิดพลาด

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุด นายปฐม อินทโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) และกรรมการสภาดิจิทัล (DCT) โพสต์เฟซบุ๊ก Pathom Indarodom ระบุว่า หนังสือเจรจาขอหยุดยิงจากกัมพูชาที่เพิ่งส่งมานั้น เนื้อแท้แล้วเป็นหนังสือ “อยากยิง” มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

1) เป็นเอกสารที่ “ล็อกกรอบ” ไทยไว้ล่วงหน้า กัมพูชาไม่ได้เขียนมาเพื่อเปิดเจรจา แต่เขียนมาเพื่อ กำหนดเงื่อนไขของการเจรจาแทนไทย ทั้งรูปแบบการประชุม ทั้งสถานที่ ทั้งการอ้างมติเดิม ทั้งกรอบ “ต้องหยุดยิงก่อน”

นี่คือเทคนิคคลาสสิกของรัฐที่รู้ว่าตัวเองเสียเปรียบในสนามจริง จึงพยายามดึงเกมเข้าสู่สนามเอกสารและกติกา

เมื่อไทย “รับ” กรอบนี้ จะกลายเป็นฝ่ายที่ต้องอธิบาย ต้องปฏิบัติตาม แทนที่จะเป็นฝ่ายตั้งคำถาม

2) การดึง ASEAN และ AOT = ลดน้ำหนักความชอบธรรมของไทย

เอกสารฉบับนี้อ้าง “ประชาคมอาเซียน” และเสนอให้มีผู้สังเกตการณ์จาก AOT เข้ามารับรองกระบวนการ

ฟังดูดี แต่ในเชิงการเมืองคือการ ทำให้เรื่องทวิภาคี กลายเป็นพหุภาคี

ผลคือ
• ไทยถูกทำให้ดูเป็น “คู่ขัดแย้งธรรมดา”
• ไม่ใช่ฝ่ายที่กำลังจัดการปัญหาอาชญากรรม / ความมั่นคงข้ามชาติ
• น้ำหนักการตัดสินใจของไทยถูกเฉลี่ยออกไป
สำหรับ ไทย นี่คือการเสียอำนาจต่อรองโดยไม่จำเป็น

 

3) เงื่อนไข “หยุดยิง–ถอนกำลัง–กลับสู่สภาพเดิม” = แช่ปัญหาไว้
ข้อความเรื่อง
• การหยุดยิง
• การถอนกำลัง
• การให้พลเรือนกลับสู่สภาพเดิม

ทั้งหมด ไม่แตะต้นตอของปัญหาเลย ไม่มีคำว่า
• แก๊งสแกมเมอร์
• อาชญากรรมข้ามชาติ
• พื้นที่สีเทา
• เครือข่ายทุนผิดกฎหมาย

แปลตรงตัวคือ “หยุดก่อน แล้วอย่าถามต่อว่าเกิดอะไรขึ้น” ซึ่งเป็นผลดีโดยตรงต่อโครงสร้างอำนาจใน กัมพูชา และเสียกับไทยที่พยายามยกระดับประเด็นให้โลกเห็น

4) ภาพลักษณ์ที่เอกสารนี้พยายามสร้าง
ถ้าปล่อยให้เอกสารนี้เดินต่อโดยไม่มีการโต้ตอบ

ภาพที่โลกจะเห็นคือ
• กัมพูชา = ฝ่ายเรียกร้องสันติภาพ
• ไทย = ฝ่ายที่ “ต้องถูกขอให้กลับเข้าสู่โต๊ะ”

ทั้งที่ในเชิงข้อเท็จจริง ไทยกำลังจัดการ ปัญหาความมั่นคงและอาชญากรรมข้ามชาติ
ไม่ใช่สงครามยึดดินแดน

สรุปสั้น ๆ เอกสารนี้ คือความพยายาม “รีเซ็ตเกม” ในจังหวะที่กัมพูชาเสียเปรียบ

ทางรอดของไทย คือไม่ปฏิเสธสันติภาพ แต่ต้องไม่ยอมให้สันติภาพกลายเป็นเครื่องมือปกป้องปัญหาเดิม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ซานต้าผู้การฯ กระบี่ ขี่ฮาเล่ แจกของขวัญ สร้างความประทับใจ
"อนุทิน" โต้ข่าวมั่ว "ภูมิใจไทย" บีบคั้น "สีหศักดิ์" รับแคนดิเดตนายกฯ เผยตามจีบตั้งแต่วันแรก ย้ำเชื่อมั่นดรีมทีมทำงานเพื่อชาติ
"แม่ทัพกุ้ง" ลั่นสำนึกพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้น โปรดเกล้าฯพระราชทานยศ "พลเอก"
คริสต์มาสอีฟพัทยาคึกคัก นักท่องเที่ยวแน่นวอล์คกิ้งสตรีท บาร์เบียร์สีสันกลับมา ตำรวจระดมกำลังดูแลความปลอดภัย
สภ.เมืองกาญจน์ แจกหมวกนิรภัยฟรี! รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย ใส่ใจวินัยจราจร
"Gulf" มอบเงินจาก "กองทุน 100 ล้าน" ส่งต่อ 23 ครอบครัวทหารไทย พลีชีพปกป้องอธิปไตย พร้อมใช้เทคโนฯดาวเทียมช่วยภารกิจกองทัพเต็มที่

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​