จากกรณีที่เว็บไซต์ข่าว Channelnewsasia ของสิงคโปร์รายงานว่า เมื่อวานนี้ (22 ธ.ค.) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้ประกาศเรื่องการจัดการประชุม GBC กับกัมพูชา ภายหลังการประชุมร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

นายสีหศักดิ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การหารือจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ที่จังหวัดจันทบุรีของไทย ภายใต้กรอบการทำงานของคณะกรรมการชายแดนทวิภาคีที่มีอยู่เดิม อย่างไรก็ตาม ในจดหมายลงวันที่ 22 ธันวาคม ที่ส่งถึง พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย นายเตีย เซ็ยฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ร้องขอให้ย้ายการประชุมไปจัดที่กัวลาลัมเปอร์แทน

พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รมว.กลาโหมกัมพูชา ระบุว่า เนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยจากการสู้รบที่ยังคงดำเนินอยู่ตามแนวชายแดน การประชุมครั้งนี้ควรจัดขึ้นในสถานที่ที่ปลอดภัยและเป็นกลาง เขากล่าวเสริมว่า มาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ได้ตกลงที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาในเมืองหลวงของตนแล้ว ทางฝั่งกัมพูชาอ้างว่า ไทยได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศเข้าไปในดินแดนของกัมพูชาเมื่อวานนี้ เพียงไม่นานหลังจากที่รัฐบาลไทยประกาศว่าทั้งสองฝ่ายตกลงจะเจรจากัน

ด้านพลโทหญิงนางมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การสู้รบตามแนวชายแดนยังคงดำเนินอยู่ในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่แถลงการณ์ของกระทรวงฯ ระบุว่า กองกำลังไทยได้ระดมยิงปืนใหญ่เข้าใส่เมืองปอยเปต

ต่อมาทางทางด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่จังหวัดจันทบุรี ในวันพรุ่งนี้ (24 ธ.ค.) ว่า เป็นการประชุมของฝ่ายเลขาฯ ซึ่งพฤติกรรมของฝ่ายกัมพูชาที่ผ่านมา ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง และสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกันมพูชา ออกมาให้ความเห็นสวนทางกับรัฐบาล ว่า พร้อมรบระยะยาว ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชา กลับระบุว่า พร้อมหยุดยิง ดังนั้น การพูดคุยระดับ GBC ถ้าไม่ได้ผลอย่างที่คาดคิดไว้ ตนเองจะไม่ไปลงนาม

โดยการประชุมครั้งเพื่อ ยืนยันว่า ยังยึดหลักปฏิญญาร่วม แต่คงไม่เหมือนเดิม ต้องลงรายละเอียดมากกว่านี้ บางข้ออาจปล่อยไปอีกสักระยะหนึ่ง แต่อยากให้ประชาชนเชื่อมั่นในคณะ GBC ว่า จะปกป้องอธิปไตย ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และยึดถือกฎหมายระหว่างประเทศ

สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน พล.อ. ณัฐพล มองว่า ไม่มีประเทศไหนที่มายืนข้างเราจริง ๆ ทุกคนพูดเหมือนเป็นกลาง แต่เหมือนไปยืนฝั่งกัมพูชา และพูดให้เป็นกลาง ซึ่งการฟังข้อมูลจากกัมพูชา ทำให้มองว่าไทยเป็นประเทศใหญ่ ที่ไปรุกราน จึงขอยืนยันในฐานะที่รับผิดชอบทางนโยบาย เราปกป้องตัวเอง เราป้องกันตนเอง โดยยึดหลักกฎบัตรสหประชาชาติข้อที่ 51 ด้วยความจำเป็น และได้สัดส่วน

พล.อ. ณัฐพล ขอให้สื่อมวลชนและประชาชนสบายใจได้ เพราะมั่นใจว่า ต้องยึดกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่มีประเทศใดเข้าข้างเรา ไม่เห็นมีประเทศไหนที่ประณามกัมพูชา ว่าทำไมวางทุ่นระเบิด ในเขตของไทย ได้แต่มาพูดว่า ขอให้ไทยลดการใช้อาวุธ ลดความรุนแรง ซึ่งตอนนี้ตนมั่นใจว่ามาถูกทาง เราอยู่กับกฎหมาย และกฎหมายคือที่พึ่งของเรา ส่วนที่กัมพูชายังไม่ตัดสินใจที่จะมาประชุมในไทยใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าตัดสินใจแล้วหรือไม่ เพราะกัมพูชามีความกังวล เช่นเดียวกับไทยที่มีความกังวลที่เดินทางไปประชุมที่เกาะกง จึงอยากให้กัมพูชามั่นใจในความปลอดภัย เพราะการประชุมครั้งนี้ ไม่ได้เข้ามาในพื้นที่ชั้นในแต่เป็นการประชุมในพื้นที่ชายแดน