แร่ทะลักชายแดน ห่วงผลกระทบสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำกระบุรี

วันที่ 22 ธ.ค. 2568 สถานการณ์การค้าชายแดนไทย–เมียนมาในปี 2568 พบความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากรธรรมชาติ เมื่อสินแร่จากเขตตะนาวศรี โดยเฉพาะจากเมืองมะริดและเมืองมูด่อง มีแนวโน้มหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง หลังตัวเลขการนำเข้าแร่ผ่านด่านชายแดนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มูลค่ารวมเฉียด 10,000 ล้านบาท ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งและความไม่สงบภายในประเทศเมียนมา

รายงานเศรษฐกิจชายแดนระบุว่า จังหวัดมะริดถือเป็นแหล่งทรัพยากรแร่สำคัญของเมียนมา ทั้งดีบุก ทังสเตน พลวง รวมถึงแร่หายาก (Rare Earth) ซึ่งกำลังกลายเป็นแหล่งรายได้หลักของผู้ถือครองสัมปทานในพื้นที่ เพื่อระดมเงินตราต่างประเทศในช่วงที่ประเทศเผชิญวิกฤตความขัดแย้ง โดยมีการเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งจากด่านแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งได้รับผลกระทบจากการสู้รบ มาใช้เส้นทางภาคใต้ของไทยที่มีเสถียรภาพมากกว่า

ขณะที่ด่านสิงขร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถูกจับตาในฐานะประตูโลจิสติกส์แห่งใหม่ของการขนส่งแร่จากมะริด ด้วยระยะทางเพียงประมาณ 180 กิโลเมตร ส่งผลให้มีข้อเสนอให้ยกระดับเป็นด่านถาวรเพื่อรองรับรถบรรทุกแร่และสินค้าประมงในอนาคต ส่วนด่านระนองยังเผชิญความท้าทายจากปัญหาการขนสินแร่ผิดกฎหมายและความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการปนเปื้อนในแม่น้ำกระบุรีจากการทำเหมืองฝั่งเมียนมา ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงของไทยจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด