ฉะเชิงเทรา ชาวบ้านอรัญประเทศอพยพหนีเหตุปะทะแนวชายแดน

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังพื้นที่ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง สปก. ในพื้นที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลนครเนื่องเขต อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย นางเทียนทอง หนูชาวนา ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลคลองนครเนื่องเขต เพื่อตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของชาวบ้าน บ้านวังปลาตอง อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ที่เดินทางอพยพหนีตายมาจากการพื้นที่ปะทะกันของทหารทั้ง 2 ประเทศ หลังจากที่เทศบาลประกาศเตือนให้ชาวบ้านอพยพออกนอกพื้นที่ ด้านนายสมใจ พวงทอง อายุ 49 ปี จึงได้นำครอบครัวเดินทางตามญาติพี่น้อง ซึ่งมีญาติอยู่ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อมาขอพักพิง เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับที่พักพิงที่จังหวัดสระแก้วจัดเตรียมไว้ เกรงว่าจะมีชาวบ้านอพยพไปพักพิงจำนวนมากแล้ว จึงตัดสินใจตามญาติมาที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และได้รับการช่วยเหลือจากนายสุรกิจ มหาคีตะ ชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการประสานงานหน่วยงานต่างๆ ให้ รวมถึงที่พักพิงภายในศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง สปก.แห่งนี้

ด้าน นางเทียนทอง หนูชาวนา ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลคลองนครเนื่องเขต พร้อมผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังจุดพักพิงแห่งที่ 2 ณ บ้าเลขที่ 54 หมู่ 17 ตำบลนครเนื่องเขต ซึ่งเป็นชาวบ้านที่อพยพหนีตายมาพักอาศัยที่บ้านญาติ จำนวน 18 คน ซึ่งเป็นชาวบ้านที่เดินทางมาจากตำบลบ้านใหม่หนองไทร อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว หลังมีสถานการณ์ความรุนแรงเพิ่มขึ้น จนได้ยินเสียงระเบิดดังอย่างต่อเนื่องจนพื้นดินและหลังคาสั่นสะเทือน จึงเกรงว่าถ้ายังอยู่ในพื้นที่อาจไม่มีความปลอดภัย เพราะเนื่องจากที่บ้านมีทั้งเด็กเล็ก และคนแก่ หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมาอาจไม่สามารถหนีเอาชีวิตรอดได้ ด้านนายนิยม ด่านกระโทก อายุ 63 ปี ชาวบ้านในตำบลบ้านใหม่หนองไทร เปิดเผยว่าช่วงนี้ก็ลำบาก ทำมาหากินอะไรไม่ได้ จึงอยากจะวอนให้รัฐบาลและฝ้ายทหาร ดำเนินการให้ถึงที่สุด แบบให้จบไปเลยทีเดียว ไม่อยากให้มีการเจรจาเหมือนที่ผ่านๆ มา เพราะมันจะไม่จบ แล้วชาวบ้านก็จะเดือดร้อน ทำมาหากินไม่ได้ ดังนั้นครั้งนี้จึงอยากให้ดำเนินการให้จบ เพราะถึงแม้ชาวบ้านจำลำบากหน่อยแต่ก็ทนได้ ไม่อยากให้ยืดเยื้อนาน

นางเทียนทอง หนูชาวนา ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลคลองนครเนื่องเขต ยังเปิดเผยอีกว่า ช่วงนี้ทาง อบต.จะมีการเลือกตั้ง ทำให้ตนเองต้องรักษาการแทน แต่ก็สามารถดูแลประชาชนที่อพยพได้ โดยมีสถานที่รองรับผู้อพยพได้เป็นร้อย ในขณะที่ภาคเอกชน อย่าง บริษัท ส.ประภาศิลป์ และ บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) , บริษัท ซีพีเอฟ ฟู้ด แอนด์เบฟเวอร์เรจ จำกัด ก็ได้มีส่วนสำคัญเข้ามาให้การสนับสนุนด้านอาหารการกิน และจัดเตรียมด้านความต้องการของผู้อพยพที่เดินทางมาพักอาศัยในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราอีกทางหนึ่งด้วย

ภาพ/ข่าว ก้องเกียรติ พุทธิรังสิมาภรณ์ ผู้สื่อข่าว TOPNEWS ทั่วไทย จ.ฉะเชิงเทรา