No data was found

หมอวิฑูรย์ ผอ.อภ. ระบุไทยเดินหน้าวิจัยโมลนูพิราเวียร์แล้ว คาดปลายปีหน้าได้ใช้

กดติดตาม TOP NEWS

เพียงพอสำหรับดูแลสถานการณ์ไปอีกครึ่งปี แต่ถ้ายอดติดเชื้อแค่ 8,000 - 10,000 คน สามารถดูแลคนป่วยได้เป็นปี ยันสามารถผลิตยาเพียงพอรักษาคนไทยได้เอง แถมราคาถูกกว่าก่อนหน้านี้ถึง 10 เท่า ตกเม็ดละ 16 บาท ส่งขายขวดละ 800 บาท โรงพยาบาลรัฐ / เอกชนแห่ซื้อสต็อกไ

นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (ผอ.อภ.) ให้สัมภาษณ์พิเศษ “ท็อปนิวส์” ถึงความคืบหน้าการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์( Favipiravir) เพื่อใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด -19 ในประเทศไทยว่า ตอนนี้ขีดความสามารถของอภ. capacity เราสามารถผลิตได้ถึงเดือนละ 160 ล้านเม็ด อย่างไรก็ตามขณะนี้คนไข้ลดลง รวมถึงสต็อกที่เรามีการซื้อยาเข้ามาจากต่างประเทศในช่วงที่มีการระบาดหนักก่อนหน้านี้ก็ยังเหลืออยู่ด้วย ในส่วนของเราเองก็มีการผลิตเองได้ด้วย ตอนนี้ตัวเลขกลมๆ เราผลิตก่อนหน้านี้ได้ประมาณ 20 กว่าล้านเม็ดในอยู่โรงงานตรงนี้ยังไม่ได้ส่งให้ประชาชน นอกจากนี้ยังมีที่อยู่ในคลังของอภ.และเตรียมส่งมอบให้กระทรวงสาธารณสุขอีก 60 ล้านเม็ด

นอกจากนี้ยังมียาที่เราส่งให้กระทรวงสาธารณสุขทุกวันอีกประมาณ 13 ล้านเม็ด เพราะฉะนั้นโดยรวมตอนนี้เราก็มียาที่เราผลิตค้างไว้ ที่เหลือจากการนำเข้า ที่ผลิตไปแล้วยังไม่ปล่อยออก เบ็ดเสร็จประมาณเกือบๆ 100 ล้านเม็ด นอกจากนี้อภ.ยังมีวัตถุดิบที่สามารถนำมาผลิตเป็นยาฟาวิพีราเวียร์ได้อีก 60 ล้านเม็ด จากจำนวนยาที่เรามีอยู่ในคลังขณะนี้ คาดว่าจะสามารถใช้ดูแลผู้ป่วยไปได้อีกนานถึง 6 เดือนถึงจะหมด

” เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องรีบผลิต ให้เก็บเป็นวัตถุดิบไว้ก่อน ถ้ามีคนไข้ระบาดหนักขึ้นก็ผลิตยาเพิ่มอีกได้
ไม่มีการขาดแคลนยาฟาวิฯในปัจจุบัน เพราะยาจะมีเหลือเฟื้ออย่างน้อย 6 เดือนถึงปีนึง ถ้าเรตขนาดนี้ถ้าไม่หลุดระบาดหรือมียาตัวอื่นมาแทน ” ผอ.อภ.กล่าว

นายแพทย์วิฑูรย์กล่าวว่า สำหรับยาฟาวิพิราเวียร์ปัจจุบันอภ.สามารถผลิตขายให้แก่โรงพยาบาลทั้งของรับและเอกชนทั่วไปในประเทศไทยได้แล้ว และราคาที่เราผลิตก็ถูกลงไปมาก แต่ก่อนเม็ดละร้อยกว่าบาท ตอนนี้เหลือเม็ดละ 10 บาท ก็ถูกกว่าก่อนหน้านี้ถึง 10 เท่า ปัจจุบันราคาขายส่งตกอยู่ที่เม็ดละ 16 บาทรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว เราผลิตเป็นขวด ขวดละ 50 เม็ดสำหรับคนไข้หนึ่งคน ราคาตกอยู่ที่ขวดละ 800 บาท เพราะฉะนั้นปัจจุบันเราไม่มีความกังวลเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์แล้ว เนื่องจากมียาเพียงพอสำหรับดูแลคนไข้ยกเว้นเกิดการระบาดใหม่แบบ 3-4 หมื่นคนใกล้เคียงก่อนหน้านี้ ตอนนั้นค่อยมาปวดหัวกันใหม่ เพราะฉะนั้นตอนนี้ยาฟาวิพิราเวียร์ไม่มีประเด็นในตอนนี้เลย

นายแพทย์วิฑูรย์กล่าวต่อว่า สำหรับยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir)ซึ่งเป็นยาตัวใหม่ที่ใช้รักษาเชื้อโควิด -19 นั้น ถูกระบุว่าความเฉพาะเจาะจงในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด -19 ได้มากกว่า ขณะนี้เราได้สั่งยาเพื่อนำเข้ามาวิจัยแล้วตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เราเริ่มตั้งโครงการแล้ว ทำการศึกษาโมเลกุล สั่งสารตั้งต้นและวัตถุดิบเข้ามาทดลองผลิต คาดว่าจะมาถึงเดือนนี้ จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการ Formulation ทำการศึกษาวิจัย ขึ้นรูป จากนั้นก็นำไปทดลองในมนุษย์ ว่าเมื่อทานยาที่เราผลิตได้เองแล้วจะเหมือนยาต้นแบบหรือไม่ ปลอดภัยหรือไม่ กระบวนการทุกอย่างก็เหมือนยาฟาวิพิราเวียร์ ที่สำคัญยาโมลนูพิราเวียร์ตัวนี้ยังไม่ติดเรื่องลิขสิทธิ์ไม่มีประเด็นเรื่องนี้ เพราะประเทศไทยลิขสิทธิ์ตัวนี้ไม่ได้ครอบคลุม สำหรับประเทศไทยทางผู้ผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ไม่ได้มายื่นจดลิขสิทธิ์ไว้ และตอนนี้มันพ้นระยะคุ้มครองไปแล้ว เราก็สามารถพัฒนาและผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ควบคู่ของเราไปได้เลย

“มันต้องทำการขึ้นรูป ทำ Formulation ขึ้นมาศึกษาการแตกตัว ดูคุณสมบัติทางเคมีก่อน ดูความปลอดภัย จากนั้นเมื่อมียาต้นแบบ เราก็ต้องนำไปทำชีวะสมมูล กฎหมายไทยการทำยาสามัญขึ้นมาก็ต้องมียาต้นแบบใกล้เคียงกัน อย่างน้อยต้องใช้เวลา 3 เดือนจากนั้นก็ต้องยื่นขึ้นทะเบียนอีก ก็ประมาณกลางปีหน้าหรือปลายปีหน้านั้นแหละ อย่างกรณีฟาวิพิราเวียร์ผมเริ่มกุมภาปีที่แล้วได้รับการอนุมัติสิงหาคมปีนี้ ส่วนตัวนี้ผมเริ่มเมษาฯ ก็น่าจะได้รับอนุญาติราวตุลาฯหรือพฤศจิกายนปีหน้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องเทียบดูว่าชีวะสมมูลออกมาดีไหม เพราะฉะนั้นก็คงเป็นปลายปีหน้า ผมมองว่ายาตัวนี้เป็นยาเชิงสังคม ผู้ผลิตรายอื่นก็มีเยอะ อินเดียก็ผลิตเยอะ เพราะฉะนั้นตัวนี้ไม่น่ามีประเด็น ” ผอ.อภ.กล่าว

นพ.วิฑูรย์กล่าวยืนยันว่า กระบวนการจัดหายาของอภ.ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ ไม่มีเรื่องส่วนต่าง ทุกเรื่องไม่มีนอกมีใน ทุกเรื่องทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ ที่ผ่านมาเราก็พยายามให้ข่าวเป็นระยะ การทำงานของเราทุกเรื่องก็คือเพื่อสังคม ยืนยันว่าเรื่องยารักษาผู้ป่วยโควิด -19 เรามีความมั่นคงไม่มีปัจจัยเสี่ยง เรื่องยาฟาวิพิราเวียร์เรามีรองรับคนติดเชื้อในประเทศอย่างน้อยไปอีกครึ่งปี แต่ถ้าเรทคนติดเชื้อประมาณ 8,000 หรือ 10,000 คนเราก็ดูแลได้เป็นปี
///////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ดื่มกาแฟจากตู้กด เจอแมลงไม่รู้ตัว แพ้เกือบตาย
ตัวประกันในเงื้อมมือฮามาส เจรจากันถึงไหนแล้ว
“พาณิชย์” ลุยต่อ จัดธงฟ้าราคาประหยัด ลดภาระค่าครองชีพพี่น้องประชาชน จ.นครพนม
แล้งจัด ชุมชนโบราณ 300 ปีโผล่กลางเขื่อนฟิลิปปินส์
หลุดโผ!ปรับครม.เศรษฐา 2 ปลอบใจ "เจ๊แจ๋น" หาเก้าอี้ใหม่รองก้น "กุนซือนายกฯ"
"คณะก้าวหน้า" ไม่แยแสกฎเหล็ก "กกต." เดินหน้ารณรงค์หาแนวร่วมลงสมัครส.ว.ทำเป็นฟุ้งคงกลัว "ส.ว.ส้ม" พาเหรดเข้าสภาสูง
"ปคบ." ยันฟ้องศาลทุกคดี "นอท" เฉพาะค่าปรับเกือบ 2 ล้านไม่เข็ด ซิกแซกเปลี่ยนชื่อ "ลอตเตอรี่พลัส"ขายออนไลน์เร่งสอบเอาผิดเพิ่ม
สอบสวนกลาง รวบแก๊ง “ซ้อส้ม” ทวงหนี้เงินกู้โหดรุมซ้อมผู้เสียหายปางตาย
“สุริยะ” กดปุ่มเดินเครื่องหัวเจาะ “รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้” เริ่มทะลวงอุโมงค์ทางวิ่งรถไฟฟ้า ยันรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายมีแน่
ไม่รอด "ศาลฯนครโฮจิมินห์" สั่งคุก "เจ้าสัว" ธุรกิจเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ในเวียดนาม-ร่วมมือกับลูกฉ้อโกงพันล้าน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น