กองกำลังบูรพา คุมตัว “เจ๊ลัด” อดีตเมียกำนันลี พร้อมยึดมือถือ สอบเข้มตามกฎอัยการศึก หลังพบพฤติกรรมส่อเป็น ‘ไส้ศึกเขมร’

กองกำลังบูรพา คุมตัว "เจ๊ลัด" อดีตเมียกำนันลี พร้อมยึดมือถือ สอบเข้มตามกฎอัยการศึก หลังพบพฤติกรรมส่อเป็น ‘ไส้ศึกเขมร’

กองกำลังบูรพา คุมตัว “เจ๊ลัด” อดีตเมียกำนันลี พร้อมยึดมือถือ สอบเข้มตามกฎอัยการศึก หลังพบพฤติกรรมส่อเป็น ‘ไส้ศึกเขมร’

 

ข่าวที่น่าสนใจ

11 ธันวาคม 2568 มีรายงานงานว่า กองกำลังบูรพา ใช้กฎอัยการศึก เข้าคุมตัว “เจ๊ลัด” อดีตเมีย “กำนันลี” ไปสอบสวน หลังมีพฤติกรรมส่อไปในทางเป็นไส้ศึก แจ้งข่าวสารฝั่งตรงข้าม

ทั้งนี้การ ประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่จังหวัดสระแก้วเพื่อป้องกันสายลับกัมพูชาที่อาจจะมาในรูปแบบของการแทรกซึมหรือแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในพื้นที่อยู่แล้ว แจ้งพิกัดที่ตั้งอาวุธหรือการเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารไทยที่ปฏิบัติการ

โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แจ้งเตือนประชาชนถึงสถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ภายหลังหน่วยทหารและฝ่ายความมั่นคงในหลายจังหวัดได้ตรวจพบและควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยหลายเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง ภายในช่วงวันที่ 8–9 ธันวาคม 2568 ทั้งในจังหวัดอุบลราชธานีและสุรินทร์

 

จากการปฏิบัติในพื้นที่ หน่วยทหารพบพฤติกรรมที่เข้าข่ายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงในหลายรูปแบบ ได้แก่ บุคคลที่มีพฤติกรรมผิดปกติใกล้เขตฐานปฏิบัติการของทหาร ผู้ต้องสงสัยที่ครอบครองโทรศัพท์มือถือจำนวนมากหรือสิ่งของจากประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่สามารถชี้แจงแหล่งที่มาได้

บุคคลต่างด้าวที่ไม่สามารถอธิบายเส้นทางการเดินทางหรือวัตถุประสงค์ในการเข้าพื้นที่ได้ชัดเจนทุกกรณีได้ถูกควบคุมตัวเข้ากระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้านความมั่นคงแล้ว เพื่อประเมินความเกี่ยวข้องกับการสอดแนม การขนส่งข้อมูล หรือกิจกรรมที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ

เหตุการณ์ตรวจพบหลายครั้งในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน สะท้อนถึง แนวโน้มความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชาตอนล่าง ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญทางยุทธศาสตร์และมีหน่วยทหารปฏิบัติภารกิจสำคัญด้านความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ต่อเรื่องนี้

พลเอก ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เลขาธิการ กอ.รมน. ได้สั่งการเร่งด่วน ให้หน่วยในพื้นที่เพิ่มระดับการเฝ้าระวังและตรวจตราเป้าหมายสำคัญคือการป้องกันไม่ให้บุคคลหรือกลุ่มที่มีเจตนาไม่หวังดีเข้ามาก่อกวนหรือสอดแนมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ พร้อมทั้งกำชับให้มีการประสานงานใกล้ชิดระหว่างทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และผู้นำชุมชนในพื้นที่

กอ.รมน. ขอเน้นย้ำและขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน ให้ช่วยกันสังเกตความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ และแจ้งเบาะแสทันที หากพบบุคคลแปลกหน้าที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย เช่น การถ่ายภาพหรือบันทึกข้อมูลในพื้นที่หวงห้ามหรือติดกับฐานทหาร การเดินสำรวจเส้นทางหรือซักถามข้อมูลเกี่ยวกับกำลังพลและตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ หรือพบยานพาหนะที่มีลักษณะผิดสังเกต ไม่คุ้นเคย หรือทะเบียนไม่ตรงพื้นที่

ประชาชนสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ หรือผู้นำชุมชนได้โดยทันที เพื่อให้หน่วยงานสามารถเข้าตรวจสอบและจัดการได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยในพื้นที่

 

กอ.รมน. ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ทุกหน่วยยังคงปฏิบัติภารกิจอย่างเข้มงวด รอบคอบและต่อเนื่อง เพื่อรักษาความปลอดภัยของประชาชนและความมั่นคงของประเทศ พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าแก่สาธารณชนอย่างสม่ำเสมอ
1374 สายด่วน กอ.รมน. โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สถานการณ์ชายแดนเข้าสู่วันที่ 4 "ทหารกัมพูชา" เปิดฉากโจมตีไทยแต่เช้ามืด ยิงปืนใหญ่เข้าเขตพนมดงรัก จ.สุรินทร์ พื้นที่ "ปราสาทตาควาย" ปะทะเดือด
เทศบาลตำบลบางเมือง จัดกิจกรรมอบรมดูแลส่งเสริมสุขภาพด้วยสมุนไพรไทย
ส่องลุคแฟชั่นผ้าไทยสไตล์ "ซาบีดา" สวมใส่ชุดอัตลักษณ์พื้นถิ่น เปิดงานเที่ยวชุมชน ยลวิถี นุ่งซิ่นหมี่คั่นน้อย มรดกภูมิปัญญาชาวไทยหล่ม จ.เพชรบูรณ์
"ซาบีดา" เปิดตัว "บ้านท่าช้าง (วัดโฆษา)" เพชรบูรณ์ 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ "เที่ยวชุมชน ยลวิถี"
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ฮาร์บินเปิดตัว 'มิสเตอร์สโนว์แมน' ปีนี้สูง 23.8 เมตร
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนวางรางรถไฟความเร็วสูงสายเหนือสุดไปฮาร์บินเสร็จสมบูรณ์

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​