เช้าวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.09 น. เทศบาลตำบลบ้านกลาง จังหวัดลำพูน จัดพิธีบวงสรวงสักการะพระนางจามเทวี เนื่องในวันพระแม่นั่งเมือง ประจำปี 2568 ณ ศูนย์กีฬาและนันทนาการจามเทวี โดยมี ว่าที่ร้อยตรี วัชระ กันแจ่ม นายกเทศมนตรีตำบลบ้านกลาง เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยรองนายกเทศมนตรี ปลัดเทศบาล สมาชิกสภาเทศบาล พนักงาน และประชาชนผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

พิธีดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึง พระนางจามเทวี ปฐมกษัตรีย์แห่งนครหริภุญชัย ตามคติความเชื่อ “วันพระแม่นั่งเมือง” ซึ่งตรงกับวันที่ 28 พฤศจิกายนของทุกปี อันมีที่มาจากตำนานที่กล่าวว่า พระนางจามเทวีเสด็จขึ้นนั่งเมืองได้ 7 วัน ก็ประสูติพระราชโอรสฝาแฝด ในวันเพ็ญเดือน 3 ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาวลำพูน
ภายในพิธีมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นเมือง อาทิ การฟ้อนรำลึกพระนางจามเทวี ฟ้อนขันดอก และฟ้อนเล็บ โดยพนักงานเทศบาลและผู้มีจิตศรัทธา ร่วมกันแสดงความเคารพสักการะอย่างงดงามและสมพระเกียรติ บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ ศรัทธา และความศักดิ์สิทธิ์

ประวัติพระนางจามเทวี พระนางจามเทวีเป็นปฐมกษัตรีย์ผู้วางรากฐานนครหริภุญชัย ทรงได้รับอัญเชิญมาจากเมืองละโว้ (ลพบุรี) ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านการปกครอง การศาสนา และวัฒนธรรม ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ส่งเสริมบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรือง พระราชโอรสฝาแฝดทั้งสองพระองค์ ได้แก่ พระมหันตยศ และ พระเจ้าอนันตยศ ซึ่งสืบทอดราชบัลลังก์ต่อมา พระองค์ทรงเป็นบุคคลสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ลำพูนกว่า 1,300 ปี ชาวลำพูนยังคงสักการะและรำลึกถึงพระองค์อย่างต่อเนื่อง

ประวัติอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ณ เทศบาลตำบลบ้านกลาง อนุสาวรีย์แห่งนี้เดิมประดิษฐานอยู่ที่บ้านท่าล้อ–ศรีคำ หมู่ 2 ตำบลบ้านกลาง สร้างโดยบริษัทศิริมณี จำกัด และอัญเชิญมาประดิษฐานที่ลำพูนเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2538 ก่อนจะมอบให้จังหวัดลำพูนในวันที่ 5 มีนาคมปีเดียวกัน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2561 เทศบาลตำบลบ้านกลางได้อัญเชิญองค์อนุสาวรีย์มาประดิษฐาน ณ ลานอนุสาวรีย์แห่งใหม่ ภายในศูนย์กีฬาและนันทนาการจามเทวี และใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญต่าง ๆ ของชุมชน เช่น วันพระแม่นั่งเมือง วันสงกรานต์ และวันครบรอบการสวรรคตตามปฏิทินจันทรคติ
พิธีบวงสรวงในครั้งนี้นับเป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันทรงคุณค่าของชาวลำพูน แสดงออกถึงความกตัญญูต่อปฐมกษัตรีย์ผู้วางรากฐานความรุ่งเรืองให้แก่เมืองหริภุญชัย และเป็นการรวมพลังศรัทธาของชุมชนในการรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมให้คงอยู่สืบไป





